เอสเอ็มอีกับวิกฤติเฉพาะหน้า

เอสเอ็มอีกับวิกฤติเฉพาะหน้า

เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติเฉพาะหน้าที่ธุรกิจโดยทั่วไปได้รับผลกระทบพร้อมกันในวงกว้าง ธุรกิจเอสเอ็มอีจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบที่รุนแรง

แม้ว่าโดยธรรมชาติทั่วไปของธุรกิจแล้ว ทุกคนมักจะเข้าใจว่าธุรกิจเอสเอ็มอีมักจะมีความคล่องตัวในการตัดสินใจปรับแต่งทิศทางของธุรกิจได้ง่ายและรวดเร็วกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีระบบระเบียบในการตัดสินใจและการปรับทิศทางธุรกิจอย่างเป็นกิจลักษณะมากกว่า

และแม้ว่าธุรกิจเอสเอ็มอีจะเผชิญกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก่อนแล้วในช่วงเวลา 5-10 ปีที่ผ่านมา จนเอสเอ็มอีได้เรียนรู้ถึงการทำธุรกิจภายใต้สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เอสเอ็มอีเริ่มจะคุ้นเคยและต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า VUCA ในโลกธุรกิจ ซึ่งได้แก่ ความเปลี่ยนแปลงอย่างผันผวนและรวดเร็ว (Volatility) การเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนในลักษณะที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ หรือแม้แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ (Uncertainty) การเปลี่ยนแปลงที่มีความสลับซับซ้อนแบบไม่ตรงไปตรงมาชั้นเดียว (Complexity) และการเปลี่ยนแปลงที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือไม่ชัดเจน (Ambiguity)

อย่างไรก็ตามสถานการณ์แบบ VUCA มักจะเกิดผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีในลักษณะเฉพาะกับธุรกิจของตัว เองตามลำพัง และมีเวลาเพียงพอที่เจ้าของหรือผู้บริหารจะสามารถเตรียมปรับตัวได้ก่อนล่วงหน้า

แต่เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติเฉพาะหน้าที่ธุรกิจโดยทั่วไปได้รับผลกระทบพร้อมๆ กันในวงกว้าง เช่น กรณีโรคระบาด โควิด-19 ที่ทั้งธุรกิจและผู้คนทั่วไป ต่างได้รับผลกระทบพร้อมๆ กันทั่วโลก จากการที่ต้องถูกชัตดาวน์หรือถูกปิดตัวจากวิถีปกติ ธุรกิจต้องหยุดชะงักลงด้วยคำสั่งฉุกเฉินจากภาครัฐ ธุรกิจเอสเอ็มอีจึงกลายมาเป็นผู้ได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัญหาประการแรกที่เอสเอ็มอีต้องเผชิญ ก็คือ รายได้ที่หายไปทันทีจากการถูกสั่งให้หยุดดำเนินการ หรือแม้จะเปิดดำเนินการได้ ลูกค้าและความต้องการในการจับจ่ายใช้สอยก็แทบจะไม่เหลืออยู่ ส่วนใหญ่ธุรกิจ รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอี จะหาวิธีการปรับตัวจากช่องทางหารายได้จากช่องทางเดิม มาเป็นช่องทางใหม่ที่สร้างโอกาสได้ดีกว่า

ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านระบบออนไลน์ การบริการส่งสินค้าแบบดิลิเวอร์รี่ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนรูปธุรกิจไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

เอสเอ็มอีที่ทำแบบนี้ได้ ตัวเจ้าของหรือผู้ประกอบการจะต้องมีองค์ความรู้พิเศษอยู่ในตัวเอง พอที่จะหันมาใช้เส้นทางใหม่นี้ได้อย่างมั่นใจพอสมควรเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ โดยเฉพาะความรู้ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะจากงานอดิเรกที่สนใจหรือทำอยู่เป็นประจำ

ปัญหาประการที่ 2 ได้แก่เรื่องของการเงินและการหาเงินทุนที่จะนำมาใช้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับกับค่าใช้จ่ายประจำที่ยังเกิดขึ้นต่อไปแม้รายได้จะหายหรือลดลงไป เช่น ค่าจ้างแรงงาน ภาระค่าเช่า ค่าใช้จ่ายประจำ ฯลฯ ยกเว้นเอสเอ็มอีที่มีวินัยทางการเงินที่ดี มีการจัดสรรเงินสำรองกรณีฉุกเฉินไว้ส่วนหนึ่ง หรือเอสเอ็มอีที่รักษาประวัติการชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอเป็นที่เชื่อถือแก่สถาบันการเงิน ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือหรือการผ่อนผันภาระทางการเงินเป็นพิเศษ

แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะต้องเรียกร้องและรอความช่วยเหลือจากภาครัฐที่จะต้องกระจายไปให้กลุ่มคนส่วนใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ เกินกว่าผู้อื่น

ปัญหาประการที่ 3 ได้แก่ ความพยายามที่จะต้องช่วยเหลือสนับสนุนดูแลสภาพการดำรงชีวิตของพนักงานด้วยความมีมนุษยธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อเตรียมรับกับการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งหมายถึงความพร้อมที่จะสร้างธุรกิจให้กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วที่สุด

แนวทางในการรับมือกับปัญหานี้ ได้แก่การพยายามรักษาพนักงานให้อยู่กับธุรกิจต่อไป โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นตัวหลักสำคัญของธุรกิจ พนักงานที่มีศักยภาพ และพนักงานที่มีทักษะพิเศษและความคล่องตัวสามารถปรับตัวไปทำงานได้หลาย ๆ หน้าที่ พอที่จะมาช่วยประทังปัญหาต่างๆ ได้

โควิด-19 ได้ให้บทเรียนและวิธีแก้ไขเพื่อรับมือกับวิกฤติเฉพาะหน้าที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ครั้งนี้ เพื่อเป็นบทเรียนอย่างดีกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระดับโลก ไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาในรูปแบบใด

เอสเอ็มอีจึงต้องเตรียมพร้อมทั้งในด้านการมองอนาคตด้วยวิสัยทัศน์ยาวไกล มองทั้งในแง่ลบและแง่บวก เพราะโลกกำลังตกอยู่ภายใต้ทฤษฎีทางการเงินที่เรียกว่า ทฤษฎีหงส์ดำ (Black Swan) ซึ่งบอกเราว่า สิ่งที่เราไม่เคยเจอ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น หรือทฤษฎีทางด้านอนาคตศาสตร์ที่เรียกว่า Wildcard Scenario หรือ ฉากทัศน์อนาคตที่ไม่คาดคิด นอกเหนือความคาดหมายใด ๆ ควบคุมไม่ได้ และไม่รู้แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด

แต่ก็มักจะเกิดขึ้นในทันทีที่ไม่มีใครทันระวังตัว!!!!