คุณจะเลือกเป็นคนแบบไหนใน 'ยุคหลังโควิด'

คุณจะเลือกเป็นคนแบบไหนใน 'ยุคหลังโควิด'

โลกหลังโควิด จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม โมเดลธุรกิจจะเปลี่ยนไป  การล้มหายตายจากและการเกิดใหม่ของธุรกิจมีมากขึ้น แล้ว ใครจะเป็นผู้อยู่รอด

         ถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าโควิดจะสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตเราไปอีกนานแค่ไหน  แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลยว่าต้องเกิดขึ้นแน่นอนคือ  โลกหลังโควิดโดยเฉพาะโลกของธุรกิจและการทำงานจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว  โมเดลธุรกิจจะเปลี่ยนไป  การล้มหายตายจากและการเกิดใหม่ของธุรกิจมีมากขึ้น  ธุรกิจต้องแข่งกันในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน  ดังนั้น  คนที่จะประสบความสำเร็จด้านการงานได้ในโลกหลังโควิดย่อมต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน  หากจะแบ่งกลุ่มคนที่อยู่รอดและอาจถึงขั้นรุ่งได้ในยุคหลังโควิดก็แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม

          กลุ่มแรก  คือ  กลุ่มที่เก่งนำหน้าปัญญาประดิษฐ์  คนกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่โปรแกรมเมอร์ระดับหัวกะทิ  แต่รวมถึงคนในสาขาวิชาชีพอื่นที่มีทักษะเฉพาะซึ่งปัญญาประดิษฐ์ยังทำไม่ได้  หรือสามารถทำได้แต่ไม่คุ้มค่าในเชิงธุรกิจที่จะพัฒนาและนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ในด้านนั้นเนื่องจากขนาดของลูกค้ามีน้อยเกินไป  เช่น  ศิลปินที่มีลายเส้นเฉพาะตัว  พ่อครัวที่มีสูตรอาหารประจำตระกูล  นักข่าวที่มีลีลาในการเขียนเป็นเอกลักษณ์  ทีมออกแบบเกมที่รู้จักนิสัยของกลุ่มลูกค้าของตัวเองในมิติที่การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ไปถึงได้ 

          กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มซุปเปอร์เป็ด  เนื่องจากธุรกิจยุคใหม่เน้นความคล่องตัว  ให้ความสำคัญกับความเร็วในการปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปและทันกับความต้องการของลูกค้าที่คาดเดาล่วงหน้าได้ยาก  สินค้าที่ขายในวันนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการในวันพรุ่งนี้  คู่แข่งหน้าใหม่โผล่ขึ้นมาเป็นม้ามืด  ความไม่แน่นอนของสภาพดินฟ้าอากาศ  การระบาดของโรคอุบัติใหม่  ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เตรียมทางออกเป็นสูตรสำเร็จไว้ล่วงหน้าไม่ได้  ธุรกิจจึงมองหาคนที่เป็นซุปเปอร์เป็ดซึ่งหมายถึงคนที่ทำงานในหลายตำแหน่งได้  และทำได้ดีในทุกตำแหน่งที่รับผิดชอบ  คนแบบนี้จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันเวลา  สามารถตอบสนองต่อความไม่แน่นอนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

          กลุ่มที่สาม  คือ  กลุ่มอึดถึกทน  กลุ่มนี้หมายถึงคนที่ยังพอรักษางานไว้ได้เพราะยอมทำงานหนักรับค่าตอบแทนน้อย  นายจ้างเลยมองว่ายังคุ้มค่าที่จะจ้างไว้อยู่   แต่ภาระงานจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาทางธุรกิจขึ้นมาก็มีสิทธิ์ถูกเลิกจ้างเป็นกลุ่มแรก  หากเป็นฟรีแลนซ์  โอกาสได้งานจะขึ้นอยู่กับค่าตัวที่เสนอไป  ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น  เลยเรียกค่าตัวสูงไม่ได้  เรียกว่าทำงานหนักไปก็ได้แก่พอยาไส้  มองไปก็ไม่เห็นความก้าวหน้าในอนาคตของตัวเอง

              กลุ่มที่สี่ คือ  กลุ่มหนีตลาด  กลุ่มนี้คือคนที่เปลี่ยนแบบแผนการใช้ชีวิตจากการเน้นทำงานเพื่อสร้างรายได้  ไปเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการลดรายจ่ายและการเพิ่มรายได้  ซึ่งไม่ใช่ทุกจะทำได้  และรูปแบบของการหนีจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับทุนเดิมที่มี  ถ้าเป็นคนที่พอมีที่ดินก็อาจกลับไปใช้ที่ดินของตนเองทำการเกษตรที่เน้นให้พอมีพอกิน  เหลือแล้วค่อยขาย  ควบคู่ไปกับการหารายได้เสริมจากอาชีพอื่นควบคู่กันไปด้วย  เมื่อสามารถลดรายจ่ายได้  แม้รายได้ไม่สูง  ก็ยังพอประคองตัวไปได้

กลุ่มหนีตลาดอาจเป็นการผสมผสานทางเลือกที่แตกต่างกัน เช่น มีที่ดินผืนเล็ก ๆ ไว้ทำเกษตรแบบพอกินเพื่อลดรายจ่าย  มีการทำอาชีพเสริม  และมีเงินเก็บสักก้อนที่เอาไปลงทุนเพื่อกินดอกผลจากการลงทุนควบคู่กันไปด้วย

                ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นคนแบบไหน  ลักษณะสำคัญ 2 อย่างที่คนทั้ง 4 กลุ่มนี้ต้องมีเหมือนกัน ลักษณะสำคัญอย่างแรก คือ ต้องเป็นคนที่รู้ลึกรู้จริงในบางเรื่องที่ใช้เป็นแกนกลางของชีวิตในโลกของงานยุคใหม่  และสามารถต่อยอดสิ่งที่รู้ลึกให้ลึกขึ้นไปกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง  มีแต่คนที่รู้ลึกเท่านั้นถึงจะมองเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง  และเก่งพอที่จะเอาความรู้ของตนไปคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นได้ 

ลักษณะสำคัญอย่างที่สอง คือ ต้องรู้หลากหลาย  แม้ว่าความรู้หลักจะสำคัญ  การมีความรู้หลากหลายย่อมช่วยให้เรามีความคล่องตัวในการปรับตัวไปหาโอกาสใหม่  เพราะบางครั้งโอกาสใหม่หากใช้แค่สิ่งที่เรารู้ลึกอย่างเดียวอาจไม่พอ

โลกหลังโควิดจึงไม่ใช่โลกที่สวยงามสำหรับทุกคน   การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นระหว่างผู้ที่พร้อมกับผู้ที่ไม่พร้อม โควิดเลยไม่ได้เป็นแค่ไวรัสที่ส่งผลต่อสุขภาพ  อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของโควิดคือการทำลายสุขภาพทางเศรษฐกิจอย่างไร้ปราณี  ใครมีภูมิต้านทานก็รอดไป  ใครที่แข็งแรงไม่พอก็จะโดนโควิดลงโทษทำให้การใช้ชีวิตในโลกของงานยุคใหม่กลายเป็นเรื่องทรมานแบบไม่เห็นจุดจบ