การบริหารจัดการแบบเดิมคงไม่อาจทำให้ก้าวผ่านความสับสนวุ่นวายนี้ไปได้
หากจุดเริ่มต้นของปี 2563 คือความเลวร้ายที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 จุดเริ่มต้นของปี 2564 ก็คงจะเป็นความสับสนเพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร เพราะในระยะแรกดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายเพราะวัคซีนที่คิดค้นได้และภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้างแล้ว
แต่ทุกอย่างก็กลายเป็นความสับสนอลหม่านทันทีเมื่อพบว่าเชื้อโรคได้กลายพันธุ์ไปแล้วในทวีปยุโรป และวัคซีนที่แม้จะเริ่มกระบวนการผลิตได้แล้วแต่ก็ยังต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะครอบคลุมประชากรทั้งโลก ถึงเป็นประเทศร่ำรวยก็ยังต้องใช้เวลาจนถึงไตรมาส 3 ถึงจะแจกจ่ายวัคซีนได้อย่างทั่วถึง
แต่นั่นก็ยังไม่ได้นับความล่าช้าจากกลุ่มประชากรที่ต่อต้านวัคซีนซึ่งอาจทำให้การสร้างภูมิคุ้มกันในระดับทั้งประเทศสำเร็จได้ช้าลง มาตรการระยะสั้นที่หลายประเทศเลือกใช้จึงหนีไม่พ้นการล็อคดาว์น ซึ่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
เช่นเดียวกันบ้านเราที่เพิ่งผ่านพ้นบรรยากาศเฉลิมฉลองมาหมาด ๆ ก็ต้องเจอกับมาตรการรองรับการแพร่ระบาดที่เข้มข้นมากขึ้น จนกลายเป็นความสับสนว่าควรหรือไม่ควรทำอย่างไร เพราะต้องรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมเชื้อโรคและระบบเศรษฐกิจ
เริ่มต้นปีใหม่มาเราจึงต้องพบกับความท้าทายอย่างฉับพลัน เพราะลำพังการบริหารจัดการแบบเดิม คงไม่อาจทำให้เราก้าวผ่านความสับสนวุ่นวายเช่นนี้ไปได้ การเข้าถึงแก่นแท้ขององค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คือต้องรู้ว่าหัวใจขององค์กรเราอยู่ที่ไหน และหาทางสร้างมูลค่าเพิ่มให้มันได้อย่างไร
รูปแบบการทำงานจึงต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งค่านิยมเดิมๆ ที่เราเน้นคนที่ขยันหมั่นเพียรแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่เราจำเป็นต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
บุคลากรที่มีความขยันหมั่นเพียร ทุ่มเททำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็นแต่เพียงอย่างเดียวจึงไม่อาจรับประกันได้ว่าเราจะได้ผลงานที่ดี เทียบกับบางคนที่อาจใช้เวลาที่ทำงานน้อยกว่าแต่ได้ผลลัพธ์ดีกว่าเขาย่อมเหลือเวลาไปพัฒนาตัวเองในด้านอื่น ๆ ที่ได้ประสิทธิผลดีกว่า
ในโลกธุรกิจและอุตสาหกรรมเคยอาศัยเทคโนโลยีการผลิตเป็นกลไกหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลเช่น ในปี ค.ศ. 1913 ฟอร์ดนำเอาระบบสายพานการผลิตมาใช้ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์สูงถึง 170,211 คันจากเดิมที่ใช้คนงานประกอบรถยนต์ธรรมดา ๆ ทำได้เพียงไม่กี่พันคัน
การวัดประสิทธิภาพการทำงานจึงเริ่มต้นขึ้น การผลิตอะไหล่บางชิ้นที่เคยใช้คนทำทั้งหมดอาจได้ 4-5 ชิ้นต่อชั่วโมง ก็เปลี่ยนเป็นการทำงานเฉพาะอย่าง แยกกันทำเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ผลงานก็เพิ่มขึ้นกลายเป็น 100-200 ชื้นต่อชั่วโมง
โลกได้เปลี่ยนเข้าสู่ยุคที่แข่งขันกันด้วยภูมิปัญญาและความรู้ ความขยันหมั่นเพียรแต่เพียงอย่างเดียวอาจเพิ่มประสิทธิภาพได้ระดับหนึ่ง แต่ความรู้ที่เรามีสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมได้
คนทำงานทุกวันนี้จึงต้องมีผลงานที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียงความขยันและตั้งใจเท่านั้น เพราะหากลองพูดคุยกับพนักงานว่ามีผลงานในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบที่เราจะได้เป็นส่วนใหญ่ก็คือเขามีความขยันตั้งใจทำงาน รับแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน และแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผู้บังคับบัญชาเสมอ
แต่น้อยคนมากที่จะตอบว่าในปีที่ผ่านมาเขาได้บรรลุเป้าหมายอะไรไปบ้างแล้ว และมีเป้าหมายอะไรถัดไป ซึ่งจะทำได้ด้วยการวางแผนอย่างไร ใช้กลยุทธ์ใด ซึ่งคนที่ตอบแบบนี้ได้มักจะมีคุณลักษณะที่คล้ายๆ กันอยู่ 7 ข้อที่ผมอยากนำมาฝากผู้อ่าน Think out of The Box จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามต่อได้ในอาทิตย์หน้า
...ขอสวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ ....