งานเพื่ออนาคต

งานเพื่ออนาคต

เศรษฐกิจของโลกเชื่อมโยงกันเหมือนใยแมงมุม

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ภาคธุรกิจ เริ่มตั้งความหวังต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งสำนักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจหลาย ๆ แห่งก็เริ่มเปิดเผยผลสำรวจออกมาแล้วเช่นธนาคารไทยพาณิชย์ที่คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ 3.8%

แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวมีตัวแปรสำคัญคือการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ระหว่างที่วัคซีนจะแพร่หลายจนจัดการโรคได้เด็ดขาดซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021 โดยระหว่างที่วัคซีนยังไม่แพร่หลายการกลับมาระบาดระลอก 2-3 ในหลาย ๆ ประเทศย่อมส่งผลถึงภาวะเศรษฐกิจของโลกแน่นอน

เพราะเศรษฐกิจของโลกเชื่อมโยงกันเหมือนใยแมงมุม แม้ว่าอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 จะเริ่มฟื้นตัวได้บ้างแล้วเช่นอุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม แต่การฟื้นตัวก็ยังเป็นไปอย่างมีข้อจำกัด การบินยังจำกัดอยู่เฉพาะในประเทศ และการเดินทางระหว่างประเทศก็ยังต้องมีมาตรการกักตัว

เมื่ออุตสาหกรรมเหล่านี้ยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่ ซัพพลายเชนในระบบที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร โรงงานผลิตของที่ระลึก บริษัทรถเช่า รถบัส ก็ล้วนได้รับผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ สุดท้ายก็ส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมจึงหาประเทศเทียบเคียง “จีน” ได้ยากเพราะการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมการระบาดของโรคจีนทำได้ดีกว่ายุโรปและอเมริกามาก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศก็มีปริมาณมากพอ ภาคอุตสาหกรรมจึงมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการส่งออก

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจึงยังคงมีประเทศจีนเป็นหัวหอก ยิ่งในหลายประเทศที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้จนต้องประกาศล็อกดาว์นรอบสอง อุตสาหกรรมการผลิตจึงหยุดชะงักในขณะที่จีนพร้อมรับช่วงต่อจึงทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจของจีนอยู่ในเกณฑ์บวกมากกว่าประเทศอื่น

ในส่วนของบ้านเราแม้แนวโน้มจะเป็นบวกภายในปีหน้า แต่ก็ไม่มีทางที่จะกลับสู่ภาวะปกติได้อย่างแน่นอนเพราะเครื่องจักรกลทางเศรษฐกิจของเราคือภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

หนึ่งในเวทีที่ระดมความคิดเห็นด้านแนวโน้มเศรษฐกิจระดับโลกก็คืองาน World Economic Forum ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุม เป็นระบบออนไลน์แต่เนื้อหายังคงเฉียบคมเหมือนเช่นเคย โดยที่ประชุมได้สรุปแนวโน้มของอาชีพที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า

เพราะนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเชื่อว่างานกว่า 40% ที่คนทั่วโลกมีอยู่ในเวลานี้จะต้องถูกยกเครื่องครั้งใหญ่ และต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ทั้งหมด โดยงานที่เป็นที่ต้องการในอนาคตจะมีอยู่ 10 สาขาที่สำคัญ

นั่นคืองานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ด้านปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า การตลาดดิจิทัล ด้านระบบอัตโนมัติ ระบบการขาย ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง รายละเอียดจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามในฉบับวันอังคารหน้าอีกครั้งนะครับ