ขวากหนามความสำเร็จ

ขวากหนามความสำเร็จ

เส้นทางชีวิตโจไบเดน โรยด้วยหนามกุหลาบมากกว่ากลีบกุหลาบ

ถึงวันนี้แล้วความสนใจของคนทั่วโลก ยังคงจับจ้องไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ เพราะความดื้อรั้นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง จนทำให้สหรัฐฯ ในฐานะประเทศมหาอำนาจฝั่งประเทศเสรีประชาธิปไตยสร้างความคลางแคลงใจให้คนทั่วโลกว่า ประชาธิปไตยเป็นทางออกให้กับทุกประเทศได้จริงหรือ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงต้องเข้ามาทำหน้าที่ในทำเนียบขาวในท้ายที่สุด ซึ่งความเป็นมาของไบเดนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน จากเด็กติดอ่างที่พูดไม่ทันคนอื่นจนถูกล้อเลียน ไบเดนกลับเอาชนะปมด้อยตัวเองได้ด้วยการฝึกซ้อมพูดอย่างหนัก

ไบเดน ไม่ใช่คนเรียนเก่งระดับหัวกะทิ เขาเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ โดยตั้งเป้าอยากเป็นประธานาธิบดีจนถูกเพื่อนๆ หัวเราะเยาะ เพราะเขาไม่ใช่คนพูดเก่งเหมือนนักการเมืองส่วนใหญ่ แม้จะหายติดอ่างแล้วแต่เขายังพูดช้าและใช้เวลาพูดนานกว่าคนทั่วไปยังพูดช้าและใช้เวลาพูดนานกว่าคนทั่วไป

หลังเรียนจบเขามุ่งหน้าในเส้นทางสายการเมืองด้วยการเป็นทนายความเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป ก่อนจะลงชิงชัยในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาและได้รับเลือกในวัยเพียง 29 ปีซึ่งเป็นหนึ่งใน สว. ที่อายุน้อยที่สุดของสหรัฐฯ แต่เขาก็ต้องผ่านเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเพราะต้องสูญเสียภรรยาและลูกสาวไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ในช่วงเวลาเดียวกัน

ชื่อเสียงของไบเดนเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ เมื่อเขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกเมื่อปี 1988 แต่ลาออกกลางคันเพื่อรับผิดชอบกับข้อกล่าวหาว่าลอกสุนทรพจน์นักการเมืองอังกฤษ ก่อนที่เขาจะเสนอตัวอีกครั้งในปี 2008 ซึ่งก็ถอนตัวอีกครั้งเพื่อหันมาสนับสนุนคู่แข่งคือบารัค โอบามา และประธานาธิบดีโอบามาก็เลือกเขามาเป็นรองประธานาธิบดีในที่สุด

ความสำเร็จครั้งนี้เขาต้องสูญเสีย โบ ไบเดน ลูกชายคนโต อัยการรัฐเดลาแวร์ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองในปี 2015 ซึ่งโจ ไบเดนเองก็เคยต้องผ่าตัดสมองเมื่อปี 1988 ซึ่งในเวลานั้นเขาเองก็มีโอกาสรอดเพียง 50-50 เช่นเดียวกันแต่ก็ผ่านมันมาได้สำเร็จ

เส้นทางชีวิตของโจ ไบเดน จึงโรยด้วยหนามกุหลาบมากกว่ากลีบกุหลาบ เพราะต้องเผชิญกับปัญหา และอุปสรรคนานับประการนับตั้งแต่ยังเด็ก ลองคิดถึงเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ไม่มีใครยอมรับเพราะพูดติดอ่าง จนต้องมายืนพูดหน้ากระจกทุกวันๆ ละ 10-15 นาทีจนแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ

แต่เมื่อใดที่ไบเดนกำลังก้าวหน้าในหน้าที่การงานเขา ก็ต้องพบกับอุปสรรค และความสูญเสียอย่างไม่คาดคิดเสมอไม่ว่าจะเป็นภรรยา และลูกๆ อันเป็นที่รัก รวมถึงโรคร้ายแรงที่เกือบคร่าชีวิตเขา แต่ตัวเขาเองไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาและสู้กลับมาได้ทุกครั้ง

แม้คนทั่วโลกจะเชื่อว่าไบเดนต้องเผชิญความยากลำบากที่สุดเพราะต้องผจญกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ขึ้นชื่อว่าบ้าบิ่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา โดยทรัมป์สามารถพูดผิดให้เป็นถูก สร้างข่าวเท็จให้กลายเป็นข่าวจริงจนมีคนหลงเชื่อมากมาย จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจต่อไปให้ยาวนานที่สุด

แต่หากดูจากสิ่งที่ไบเดนประสบมาตลอดชีวิตแล้ว จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และเขาก็จะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้ในที่สุด ด้วยความมุ่งมั่น จนเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ 78 ปี ซึ่งน่าคิดว่าภาวะการณ์เช่นนี้ การที่สหรัฐฯ มีผู้นำแบบไบเดนอาจเป็นกรณีที่มาถูกที่ถูกเวลาเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจในบ้านเราที่ต้องผจญกับความผันผวน ภาวะเศรษฐกิจติดลบที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ที่มีโอกาสต่อเนื่องและกินเวลาเนิ่นนานกว่าที่เราคาดคิด หากเรามีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อปัญหา

เฉกเช่นเดียวกับไบเดน ก็จะทำให้เราสามารถรับมือ และผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปได้ ขอเพียงเรามีกำลังใจ อดทน ต่อสู้กับอุปสรรคอย่างเต็มกำลังความสามารถ สิ่งที่หวังไว้ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม