มองการเคลื่อนไหวของเยาวชนไทย

มองการเคลื่อนไหวของเยาวชนไทย

การเคลื่อนไหวของเยาวชนไทยในช่วงนี้มองได้ว่า เป็นปรากฎการณ์ใหม่เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมจำนวนมากเข้าร่วม 

              การเคลื่อนไหวอาจมองได้จากหลายแง่มุมซึ่งจำนวนหนึ่งแสดงออกมาให้ปรากฏทางสื่อ  อย่างไรก็ดี ยังคงมีอีกมากที่ไม่ปรากฏ  จากการติดตามดูอยู่ในต่างประเทศ ขอตั้งข้อสังเกตและเสนอข้อคิดบางประการ

               ในเบื้องแรก การเคลื่อนไหวเป็นนิมิตหมายอันดี  แต่ผู้กุมอำนาจรัฐดูจะมองผู้เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์เนื่องจากตนตกอยู่ในสภาพวัวสันหลังหวะ  ความฉ้อฉลเป็นต้นตอและข้ออ้างที่ผู้กำอำนาจก่อรัฐประหารยึดอำนาจมาจากรัฐบาลชุดก่อน  การมองเช่นนี้มีที่มาจากการสันนิษฐานว่าผู้ที่ตนยึดอำนาจมายุยงและส่งปัจจัยให้ผู้เคลื่อนไหวเพื่อหวังจะได้อำนาจคืน  การสันนิษฐานนี้มีเหตุผลพอรับได้ แต่การยุยงคงเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากคิดดี  ฉะนั้น ท่าทีของผู้มีอำนาจจะทำให้ประเทศชาติไม่ได้รับผลดีตามที่ควรจะได้รับจากการเคลื่อนไหว

               หากมองว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เป็นด้านดี มีข้อคิดที่ใคร่ขอให้พิจารณาโดยมองว่า เยาวชนเป็นช่วงที่คนเรากำลังวางรากฐานเพื่อการเรียนรู้ต่อไปและเพื่อการดำรงชีวิตในอนาคต  หากมองเช่นนี้ สิ่งที่เยาวชนต้องการคือฐานดังกล่าวซึ่งเกิดจากทั้งในบ้านและชุมชนรอบบ้าน ในสถานศึกษาและในสังคมโดยรวมซึ่งมีด้านการเมืองเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลัก  กิจกรรมของการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ดูจะมุ่งไปที่ด้านการเมืองตามด้วยด้านในสถาบันการศึกษา แต่ดูจะไม่มีด้านในบ้านและชุมชนของเยาวชนเอง

               สำหรับด้านการเมือง กิจกรรมส่วนใหญ่ดูจะมุ่งไปที่การขับไล่รัฐบาลซึ่งถูกกล่าวหาว่าฉ้อฉล  เนื่องจากหากรัฐบาลนี้ออกไปไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าผู้เข้ามากุมอำนาจต่อจะไม่ฉ้อฉล ขอนำข้อคิดของกัลยาณมิตรบางคนมาเสนอต่อว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยควรจะเสนอตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาโครงการและตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อช่วยลดความฉ้อฉล  การเข้าไปร่วมเช่นนี้อาจพิจารณาว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอต่อไปซึ่งเป็นทั้งด้านในสถาบันการศึกษาด้วย นั่นคือ นักศึกษามหาวิทยาลัยควรขอปรับหลักสูตรปริญญาตรีให้ตนมีโอกาสออกไปทำงานในชุมชน ๑ ปีโดยเฉพาะในชุมชนเมืองที่มีการพัฒนาต่ำและในชนบทห่างไกล  การออกไปทำงานเช่นนี้นอกจากจะเป็นการช่วยปูฐานดังกล่าวให้แก่ตัวของนักศึกษาเองแล้ว ยังจะช่วยพัฒนาสังคมอีกด้วย

               สำหรับในสถาบันการศึกษา ขอเสนอแก่นักเรียนมัธยมว่า แทนการให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นการแต่งกายตามสบาย ขอให้ใส่ใจว่าครูและผู้บริหารทำงานตามหน้าที่อย่างจริงจังแค่ไหน พวกเขาดูจะศึกษาหาความรู้อยู่เสมอหรือไม่ และมีพฤติกรรมส่วนตัวเป็นอย่างไรโดยเฉพาะในด้านศีลธรรมจรรยา  ถ้ามองเห็นปัญหา เร่งปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร  อาจไปขอปรึกษากรรมการโรงเรียนและพ่อแม่  เป้าหมายได้แก่การทำให้ตนมีโอกาสสูงสุดในการปูฐานของการเรียนรู้ต่อไปและการดำรงชีวิตในอนาคต

               สำหรับในบ้านและชุมชนของตนเอง ขอเสนอให้เยาวชนพิจารณาเรื่องในบ้าน ๒ ด้านคือ พ่อแม่มีพฤติกรรมอย่างไรและทำมาหากินอย่างสุจริตหรือไม่  ถ้าเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลเป็นที่ประจักษ์จะทำอย่างไร  ในกรณีที่พ่อแม่มีรายได้ไม่สูงจนสามารถส่งเสียตนให้เรียนได้แบบไม่มีปัญหา ขอให้พิจารณาว่าตนจะช่วยพ่อแม่ได้อย่างไรและให้ลงมือทำทันที  ส่วนด้านชุมชนรอบบ้านตนเอง ขอให้ใส่ใจในความเป็นไปต่าง ๆ รวมทั้งการรักษาความสะอาด  นอกจากตนเองจะเคร่งครัดในด้านการทำตามกฎเกณฑ์ของชุมชนแล้ว ควรช่วยชุมชนด้วยการอาสาออกมารักษาความสะอาดและช่วยผู้อ่อนและสูงวัยในยามจำเป็น

               ขอย้ำว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชนเป็นนิมิตหมายอันดี  ประเด็นอยู่ที่จะทำอย่างไรการเคลื่อนไหวจึงจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนชั่ว แต่ได้ผลสูงสุดในด้านการลดความฉ้อฉลในสังคมพร้อมกับปูฐานของการเรียนรู้ต่อไปและการดำเนินชีวิตในอนาคตของเยาวชนเอง