ความปลอดภัยทางไซเบอร์กับโมเดลจีน

ความปลอดภัยทางไซเบอร์กับโมเดลจีน

กฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีน สะท้อนแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับระบบการเมือง เศรษฐกิจและความมุ่งมั่นที่จะกำกับดูแลเทคโนโลยีอินเตอเน็ต

           หากเราศึกษากฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีน จะพบว่าสะท้อนแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของจีนเกี่ยวกับระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ และความมุ่งมั่นที่จะกำกับดูแลเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและไซเบอร์สเปซแบบจีน ซึ่งแตกต่างจากโมเดลเสรีนิยมในฝั่งตะวันตก

            คำถามคือ โมเดลจีนเป็นตัวอย่างให้กับโมเดลไทยได้หรือไม่ คำตอบที่ชัดเจนคือ ไม่ได้ เพราะบริบทเศรษฐกิจการเมืองและระบบโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตที่แตกต่างกัน นี่เป็นผลสรุปจากโครงการศึกษากฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์กับการกำกับดูแลเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศจีน เพื่อถอดบทเรียนสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลในยุคไทยแลนด์ 4.0 ภายใต้แผนงานบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม คนไทย 4.0 สนับสนุนโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

ในมุมมองของจีน การกำกับดูแลเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและไซเบอร์สเปซมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความมั่นคงของรัฐจีน แนวคิดนี้ยังสะท้อนภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์การเมืองและเทคโนโลยีระหว่างประเทศในปัจจุบัน

            จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินโลกได้เคยกล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำในการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ว่า จีนเป็นเผด็จการที่มีเทคโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมจัดการสังคมได้ในระดับสูง ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือ Big Data ซึ่งมีพื้นฐานคือโลกไซเบอร์สเปซ ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีเครื่องมือใหม่ในการควบคุมจัดการสังคม

จนนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลายเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีกลไกที่รัดกุมในการควบคุมการใช้ไซเบอร์สเปซและเทคโนโลยียุคใหม่ที่เชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ตในการส่งเสริมระบบการปกครองและระบบเศรษฐกิจของจีนเอง

เทคโนโลยียุค 4.0 ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data, หรือสัญญาณ 5G ซึ่งในปัจจุบันจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในเทคโนโลยีเหล่านี้ แตกต่างจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียตในเรื่องเทคโนโลยีอวกาศและเทคโนโลยีการทหารในอดีต

นั่นก็เพราะเทคโนโลยีอวกาศและเทคโนโลยีการทหารไม่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนหมู่มาก แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ในยุค 4.0 นี้ ทุกคนใช้กันในชีวิตประจำวัน ดังที่วันนี้เรามีสมาร์ทโฟนกันคนละเครื่อง และอีกไม่นานก็จะถึงยุคที่ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ ลำโพง สามารถพูดคุยกับเราและเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้

การที่จีนกำลังก้าวขึ้นมาเทียบชั้นสหรัฐฯ ในเทคโนโลยีเหล่านี้ จึงมีมิติด้านความมั่นคงและเป็นภัยคุกคาม เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล และด้วยความเชื่อที่ว่า ใครที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ ในอนาคต ย่อมเป็นมหาอำนาจทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมฝั่งตะวันตกได้แก่ยุโรปและสหรัฐฯ เป็นผู้นำในเชิงตลาดอุปกรณ์โครงข่ายและเครื่องรับส่งสัญญาณ 4G และแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Amazon รวมทั้งแพลตฟอร์มที่เป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น Apple, Microsoft

แต่ในปัจจุบัน จีนเป็นชาติเดียวที่ขึ้นมาแข่งขันในแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ตเต็มตัว รวมทั้งยังมีแนวทางการกำกับดูแลไซเบอร์สเปซตามแนวคิดการกำกับดูแลอย่างรัดกุม เพื่อเอื้อกับการส่งเสริมระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจของจีน ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดเสรีนิยมของตะวันตกที่มองว่าไซเบอร์สเปซเป็นพื้นที่เสรี

สาเหตุที่จีนเป็นชาติเดียวที่ขึ้นมาแข่งขันในแพลตฟอร์มบนอินเตอร์เน็ตเต็มตัว แม้จะไม่ได้เดินตามแนวทางเสรีนิยมดังแนวทางของตะวันตก เนื่องด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจการเมืองที่พิเศษของจีน อาทิ ระบบเศรษฐกิจที่มีเอกลักษณ์ของจีนที่รัฐมียุทธศาสตร์อินเตอร์เน็ตที่ชัดเจน การวางแผนสร้างระบบ Great Firewall ของจีนตั้งแต่เริ่มแรกที่ทำให้สามารถควบคุมอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ และพลังสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการแพลตฟอร์มบนอินเตอร์เน็ตของจีน

ในขณะที่เมื่อมองย้อนกลับมาที่ไทย ซึ่งรับแนวความคิดสากลในเรื่องอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เริ่มแรก และไม่มีระบบ Great Firewall มาตั้งแต่เริ่มต้น หากต่อมาโมเดลไทยมีแนวคิดต้องการที่จะรักษาและควบคุมอินเตอร์เน็ตตามโมเดลจีน ผลคือยากที่จะบังคับใช้กฎหมายได้ตามวัตถุประสงค์ทางการเมืองและเศรษฐกิจดังเช่นในจีน

เบื้องหลังแพลตฟอร์มไซเบอร์สเปซของจีนก็คือ รัฐจีน ซึ่งสะท้อนระบบ ความคิดความเชื่อที่แตกต่างจากตะวันตก ถึงแม้ว่าหลายบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนจะเป็นบริษัทเอกชนจีน แต่กฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีนบัญญัติไว้ชัดเจนว่าบริษัทเอกชนจีนต้องให้ความร่วมมือกับรัฐในเรื่องความมั่นคง รวมทั้งปัญหาที่ว่า บริษัทเทคโนโลยีจีนเหล่านี้ก้าวขึ้นมาได้ขนาดนี้ย่อมเป็นเพราะการช่วยเหลือ อุดหนุน และส่งเสริมจากรัฐบาลจีนทั้งในเรื่องแหล่งเงินทุนและการปิดกั้นต่างชาติผ่านกลไกกฎหมาย

คนไทย 4.0 จึงกำลังเผชิญกับโลกภูมิรัฐศาสตร์การเมืองและเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อน และแตกต่างจากโลกเดิมที่มีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับไซเบอร์สเปซที่ค่อนข้างชัดเจน สำหรับคนไทย 4.0 ซึ่งต่อไปในทุกมิติของชีวิตย่อมมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรตระหนักว่าการเชื่อมโยงกับไซเบอร์สเปซมีมิติด้านความมั่นคงของรัฐเสมอ

คำถามใหญ่ต่อไปก็คือ เราจะเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มสหรัฐฯ หรือจีน และไม่ว่าในประเด็นไหนหรือเทคโนโลยีใด เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มของใครก็ตาม คำถามสำคัญถัดมาก็คือ เราจะแสวงหาแนวทางการกำกับดูแลที่เหมาะสมอย่างไร เพื่อประกันความปลอดภัยทางไซเบอร์และความมั่นคงของชาติ โดยสร้างสมดุลทั้งคุณค่าในเรื่องความมั่นคงของรัฐและคุณค่าเสรีนิยม