เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีหวัง 'ธปท.-กกร.' ชี้ความเชื่อมั่นดีขึ้น

เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีหวัง 'ธปท.-กกร.' ชี้ความเชื่อมั่นดีขึ้น

ฟังเสียงนักธุรกิจใหญ่และน้อยมาตลอดทั้งปีว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง ตอนแรกตรองดูแล้วก็สิ้นหวัง แต่ตอนนี้ไม่น่าจะย่ำแย่ขนาดนั้น

ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ออกรายงาน สรุปดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพฤศจิกายน 2563 ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพฤศจิกายน 2563 เพิ่มขึ้นมา อยู่ที่ 47.7 แม้ว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 แต่ดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่องทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต จากองค์ประกอบด้านผลประกอบการและคำสั่งซื้อเป็นสำคัญ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นและอยู่เหนือระดับ 50 ได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ตามความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันในเกือบทุกธุรกิจ ยกเว้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มก่อสร้าง

ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ลดลงเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้าจากการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะด้านผลประกอบการและคำสั่งซื้อ สำหรับความเชื่อมั่นในเกือบทุกธุรกิจของภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ความเชื่อมั่นด้านปริมาณการผลิตดีขึ้นมากตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานและผลประกอบการปรับดีขึ้นเช่นกัน สำหรับดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจยกเว้นกลุ่มก่อสร้างที่ดัชนีฯ ลดลงต่อเนื่อง คาดว่าเกิดจากการอนุมัติและเบิกจ่ายสำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มชะลอลงจากการที่ภาครัฐเร่งพิจารณาโครงการที่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน อีกทั้งผู้ประกอบการในกลุ่มก่อสร้างยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานลดลงด้วย

ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52.1 ซึ่งอยู่เหนือระดับ 50 ได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ตามความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันของเกือบทุกธุรกิจ ทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต ยกเว้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มก่อสร้างที่ดัชนีฯ ยังอยู่ต่ ากว่า 50 ต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ที่ยังแย่ลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ยังอยู่ต่ ากว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาดีเท่าในอดีต

ขณะที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผย ผลการประชุมว่า กกร.ได้ปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2563 ดีขึ้น จากเดิมจีดีพี -9% ถึง -7% เป็น -7% ถึง-6%

การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -8.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -1.0% ถึง -0.9% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกและไทยในไตรมาสที่ 4 จะแผ่วลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 แต่มีความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาส 4

นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นภายหลังจากการกลับมาระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศที่ 4

สำหรับปี 2564 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจไทยคาดว่าปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติภาคการส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10 % ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัดรวมถึงตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง

ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0% ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ0.8% ถึง 1.2% 

โดยส่วนตัวแล้ว มองความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานและผลประกอบการปรับแนวโน้มสดใส การกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐพอช่วยได้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกปี 2564 รัฐบาลต้องอัดเม็ดเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกลับมาอย่างมีความหวัง ซึ่งถ้าเศรษฐกิจดีจะแก้สมการปัญหาต่างๆได้ง่ายขึ้นเช่นกัน!!