วัคซีนโควิด : เมื่อไหร่จะได้ฉีด

วัคซีนโควิด : เมื่อไหร่จะได้ฉีด

เมื่อมีข่าวว่ามีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มีประสิทธิผลถึง 90 %และมีหลายวัคซีนด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะดีใจ

          ความหวาดหวั่นในการกลับมาระบาดอีกครั้งของโรคโควิดอยู่ในใจของคนไทย    ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่ามีวัคซีนป้องกันแล้ว และมีประสิทธิผลถึง 90 %และมีหลายวัคซีนด้วยจึงอดไม่ได้ที่จะดีใจ  ภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้รอดพ้นภัยไปจนถึงได้ฉีดวัคซีนก็แล้วกัน   ดังนั้น เรื่องที่คนสนใจกันมากในปัจจุบันคือวัคซีนโควิด-19 และเมื่อใดจะได้มีโอกาสฉีด

        ในโลกในขณะนี้มีความพยายามคิดค้นหาวัคซีนกันอยู่ถึง 179 ตัว ในจำนวนนี้มีอยู่ 144 ตัวที่อยู่ในขั้นพื้นฐานของการประเมินก่อนนำไปสู่การทดลองในมนุษย์    ซึ่ง  ปัจจุบันมีอยู่ 35 ตัว ที่อยู่ในขั้นตอนทดลองกับคน     การแข่งขันอย่างดุเดือดของการค้นหาวัคซีนป้องกันโรคใหม่เช่นโควิด-19 ทำให้ช่วงเวลาปกติของการค้นหาคือ 10 ปี หรือกว่านั้นย่นย่อลงเหลือการได้วัคซีนมาในเวลาไม่ถึง 1 ปี

        ข่าวแรกสุดของการพบวัคซีนคือเมื่อประมาณเดือนตุลาคมที่ว่ารัสเซียผลิตวัคซีนได้แล้วแต่โลกก็รู้สึกเฉย ๆ ไม่ตื่นเต้นเพราะไม่น่าเชื่อถือ    ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นการชิงประกาศเร็วเกินไปเพราะยังไม่ได้ผลการทดลองขั้นสุดท้ายกับมนุษย์   กล่าวคือปลอดภัย     กระตุ้นภูมิคุ้มกัน   และได้ผลจริงหรือมีประสิทธิผล    สิ่งสำคัญที่สุดคือยังไม่ได้เปิดเผยหรือรายงานข้อมูลทั้งหมดให้แก่องค์กรที่น่าเชื่อถือเช่น FDA ของสหรัฐและ EMA ของยุโรป เพื่อยืนยันว่าเป็นวัคซีนที่ใช้งานได้ดีและปลอดภัย

         ต่อมาเมื่อต้นพฤศจิกายนปีนี้หลังเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาไม่กี่วัน    กลุ่ม Pfizer-BioNTech (ชื่อแรกเป็นบริษัทยาของอเมริกาและชื่อหลังของเยอรมันนี   ที่จริง Fosun Pharma ของจีนก็ร่วมทีมด้วย)    ประกาศว่าพบวัคซีนแล้วมีประสิทธิผลกว่า 90%     ต้องฉีด 2 เข็ม  ข้อเสียก็คือต้องเก็บวัคซีนในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเชียสซึ่งทำให้ไม่สะดวกเพราะต้องมีอุปกรณ์ในการเก็บรักษาพิเศษ          ฉีดแล้วป้องกันได้ 1 ปี

          วัคซีนของ Pfizer ฮือฮากันมากเพราะขณะนี้ได้ยื่นข้อมูลการทดลองให้แก่ทางการสหรัฐ แล้วเพื่อขออนุมัติและคาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในเดือนธันวาคมปีนี้  โดยจะผลิตได้จำนวน 520 ล้านโดส(dos คือปริมาณวัคซีนต่อการฉีดหนึ่งครั้ง)ภายในปี 2021

          วัคซีนตัวที่สองมีชื่อว่า Moderna เป็นผลงานของ National Institute of Allergy and Infectious Diseases ของสหรัฐอเมริกา  มีประสิทธิผล 90%     ต้องฉีด 2 เข็ม  และต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ -70 องศาเช่นเดียวกับของ Pfizer      ทีมงานนี้กำลังจะรายงานข้อมูลอย่างครบถ้วนในเร็ว  นี้ ให้ทางการสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ไม่เกินต้นปีหน้า

           วัคซีนตัวที่สามที่ผู้คนฮือฮากันมากเพราะเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทยากับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง คือ Astra Zeneca-Oxford University    ฉีด 2 เข็มเหมือนกันโดยมีประสิทธิผล 70%     แต่หากฉีดเข็มแรกใช้ปริมาณวัคซีนน้อย และมากในการฉีดครั้งที่สอง ประสิทธิผลก็ขึ้นไปถึง 90%   จะผลิตได้ 2,400 ล้านโดสภายในปีหน้า  จะยื่นข้อมูลครบมกราคมปีหน้า และจะเริ่มฉีดได้ต้นปีหน้า    จุดเด่นคือเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราคา

          Pfizer คาดว่ามีราคาโดสละ 600 บาท (2 เข็มตก 1,200 บาท)  Moderna โดสละ 1,000 บาท    (ฉีดครบก็ 2,000 บาท)     ส่วนของ Oxford นั้น มีราคาโดสละ 120 บาท (ฉีดสองเข็มก็ 240 บาท)

          เป็นที่ชัดเจนว่าโลกจะมีวัคซีนอย่างค่อนข้างแน่นอนแล้ว 3 ตัว  ในราคาถูกและแพง          มีประสิทธิผลเกินกว่า 70%   ซึ่งเกินกว่าเงื่อนไขของ WHO (องค์การอนามัยโลก)     คนจำนวนมากที่เสี่ยงต่อโควิดคือบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งอยู่แถวหน้าในการรักษา   คนสูงอายุที่ป่วยและคนเจ็บไข้ที่มีความเสี่ยงสูง จะได้รับการฉีดก่อนและในเวลาอีกไม่นาน

          อย่างไรก็ดี   ยังมีวัคซีนที่กำลังอยู่ในขั้นทดลองสุดท้ายไล่  มาอีก 7 ตัว (รวมเป็น 10 ตัวที่อยู่ในแนวหน้า)   4 ตัวทั้งหมดใน7ตัวนี้คาดว่าจะเปิดเผยและรายงานข้อมูลได้ในเดือนมกราคมปีหน้าเป็นผลงานของจีน ได้แก่(1)  Sinovac  ตอนแรกนำโด่งกว่าวัคซีนตัวอื่นเพราะใช้วัคซีนป้องกัน SARS ที่จีนคิดได้เป็นฐานโดยใช้การผลิตแบบดั้งเดิม คือใช้เชื้อโรคตัวเดียวกันที่อ่อนแรงแล้วฉีดเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่มีอุปสรรคตอนทดลองกับมนุษย์ในขั้นสุดท้ายจึงเสียจังหวะไป 

        (2)  Wuhan Institute of Biological Products-Sinofarm    (3)  Beijing Institute of Biological Products-Sinofarm  (4)  Cansino Biologics-Beijing Institute of Biotechnology

นอกจากนี้มีอีก 3 ตัว ได้แก่ (1) Sputnik 5 (Gamaleya Research Institute) ของรัสเซียซึ่งคาดว่าจะรายงานและเปิดเผยข้อมูลในเดือนมีนาคม  (2) Johnson & Johnson (ของ Janssen Pharmaceutical Companies) ของสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะรายงานได้ในเดือนกุมภาพันธ์ และสุดท้าย  (3)  Novavax ของสหรัฐอเมริกาจะรายงานได้ในเดือนมิถุนายนของปีหน้าหลังจากมีการทดลองในมนุษย์ถึง 45,000 คน คาดว่าจะผลิตได้ถึง 1,300 ล้านโดส

           การมีวัคซีนแนวหน้าที่มีโอกาสให้ผู้คนได้ฉีดป้องกันโควิดถึง 10 ตัว  ทำให้เกิดความอุ่นใจถึงแม้ประเทศร่ำรวยและยากจนจะมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนไม่เท่ากันก็ตาม    แต่วัคซีนทั้งหมดมีประสิทธิผลหรือใช้งานได้ผล (efficacy ซึ่งหมายถึงความสามารถที่จะทำให้เกิดผลได้ตามประสงค์) ในระดับที่ต่างกันแต่สูงกว่า 50% ทั้งสิ้น  และมีหลายระดับราคา    บางประเทศจะให้ประเทศที่มีความจำเป็นสูงอย่างให้เปล่าหรือขายในราคาถูก   หรือแม้แต่มอบให้ฟรี

           จีนมีแนวโน้มที่จะส่งมอบให้แก่ประเทศที่ร่วมมือในการทดลองเช่นบางประเทศในกลุ่มASEAN เช่น  ฟิลิปปินส์    อินโดนีเซีย     ไทย     เวียดนาม     ฯลฯ   ก่อนเป็นอันดับต้น ๆ (ไทยอยู่ใน list ที่มีชื่อว่า Promised Priority Access ซึ่งต่ำกว่ากลุ่ม Promised Vaccines  ซึ่งได้แก่เนปาล  เซอร์เบีย และศรีลังกา)

         แท้จริงแล้ว จีนมีความมั่นใจในวัคซีนของเขาสูงเพราะได้ทดลองฉีดเงียบ  ให้แก่ประชาชนของเขาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว    อีกทั้งมีความสามารถในการผลิตวัคซีนได้สูง    วัคซีนจีนมีการทดลองกับคนในหลายประเทศเอเชียที่มีปัญหาโควิดหนักหน่วง  คาดว่าจะสามารถส่งมอบกันได้  นับร้อย  ล้านโดสในปี 2021   ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างมิตรภาพได้เป็นอย่างมาก

          สิ่งที่ควรตระหนักก็คือการมีวัคซีนมิได้หมายความว่าจะควบคุมโรคระบาดโควิดได้อยู่หมัดทั้งโลก การที่บุคคลหนึ่งได้รับการฉีดวัคซีนก็เป็นผลดีสำหรับบุคคลนั้น (ถึงแม้จะป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม)   แต่ในภาพรวมสังคมจะหลุดพ้นภัยก็ต่อเมื่อบุคคลในประเทศนั้นได้รับวัคซีนเกินกว่าร้อยละ 50 และเกิด herd immunity (ภูมิคุ้มกันของกลุ่มที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ) ขึ้น   ยิ่งวัคซีนมีประสิทธิผลต่ำเท่าใด ก็ต้องฉีดวัคซีนเป็นสัดส่วนของประชากรที่สูงขึ้นเพียงนั้น

          เมื่อดูภาพรวมทั้งโลกซึ่งการติดต่อข้ามโลกถึงกันเป็นเรื่องปกติ  สังคมอื่นๆต้องมี herd immunity ด้วยจึงจะทำให้สังคมหนึ่งปลอดภัยอย่างแท้จริงจากโควิด    เมื่อเป็นเช่นนี้การมีวัคซีนจึงมิได้แก้ไขปัญหาโควิดได้ทั้งหมดเสียทีเดียวตราบที่สังคมอื่นทั่วโลกยังไม่ได้รับการฉีดในสัดส่วนของประชากรที่มากเพียงพอ

        เท่าที่ทราบในบ้านเราสถาบันวัคซีนแห่งชาติภายใต้กระทรวงสาธารณสุข     ได้วางแผนหาวัคซีนโควิดมาให้คนไทยอย่างแข็งขัน  ได้รับวงเงินจากรัฐบาลในระดับหลายหมื่นล้าน  ได้ทำสัญญากับโครงการ COVAX ของ WHO เพื่อให้ได้รับการจัดสรรวัคซีน   และทำสัญญาคู่กับหลายวัคซีนตัวเก็งด้วย  คนไทยบางส่วนคงได้โดนจิ้มแขนกันแน่ภายในครึ่งแรกของปีหน้า

        มนต์คาถา “ล้างมือ-รักษาระยะห่าง-ใส่หน้ากาก”  ศักดิ์สิทธิ์เสมอในช่วงเวลาก่อนที่จะได้รับการฉีดวัคซีน หรือแม้แต่หลังฉีดแล้วด้วยซ้ำตราบที่สังคมอื่นยังไม่มีสัดส่วนการฉีดที่มากเพียงพอ     อย่าลืมว่าวัคซีนที่ป้องกันได้ 100%  นั้นไม่มี