1.0 เจอ 4.0

1.0 เจอ 4.0

เป็นธรรมดาที่คนต่างยุคมีเรื่องที่คิดเห็นไม่ตรงกัน มักทำให้เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยากได้เสมอ

คนต่างยุคทะเลาะกันได้เป็นเรื่องเป็นราวจากความปรารถนาดีกับอะไรสักอย่าง ความหวังดีของยุคหนึ่งกลายความหวังร้ายของอีกยุคหนึ่งได้เสมอ ใครที่ต้องทำงานข้ามยุค ควรใส่ใจความแตกต่างของคนยุคหนึ่งจุดศูนย์ กับคนยุคสี่จุดศูนย์ไว้บ้าง


หนึ่งจุดศูนย์ หมายถึงยุคที่โลกยังขึ้นกับสารพัดอย่างที่เป็นอนาล็อก วัยรุ่นหนึ่งจุดศูนย์ฟังเพลงจากเทปคาสเซทท์ ในขณะที่ สี่จุดศูนย์ คือยุคที่อะไรต่อมิอะไรเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตไปหมด วัยรุ่นสี่จุดศูนย์ฟังเพลงจากสปอรต์ตีบนสมารท์โฟน คนยุคหนึ่งจุดศูนย์ กับสี่จุดศูนย์จะแตกต่างกันมากในด้านความเชื่อ และความคิด ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีที่มีอยู่ตอนเกิดและตอนเติบโต แต่ด้วยอายุที่ต่างกันมาก ๆ หัวหน้าหนึ่งจุดศูนย์มักไม่ค่อยเจอกับลูกน้องสี่จุดศูนย์ แต่ถ้าบังเอิญเจอกัน มักมีเรื่องยุ่งๆ ตามมาเสมอ

ภาวะผู้นำของคนยุคหนึ่งจุดศูนย์ คือการกำกับให้ทำงานตามที่สั่งให้ทำ ในขณะที่ภาวะผู้นำในยุคสี่จุดศูนย์ คือการร่วมงานด้วยกันทำอะไรสักอย่างหนึ่งด้วยกันอย่างเท่าเทียม ต่างคนต่างเป็นเครือข่ายซึ่งกันและกัน รุ่นหนึ่งคิดว่าการนำคือการกำกับ เลยเที่ยวไปสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ถ้าบอกแล้วไม่ทำก็โกรธก็เคือง หนึ่งจุดศูนย์ชอบสั่ง สี่จุดศูนย์ชอบสร้างเครือข่ายระหว่างกัน งานเสร็จเพราะการร่วมมือกันทำ โดยที่ไม่มีใครสั่งใคร ดังนั้นถ้าไม่ทราบความแตกต่างนี้ แล้วต้องทำงานร่วมกัน สี่จุดศูนย์จะมองว่าหนึ่งจุดศูนย์ไม่ยอมฟังคำสั่ง สี่จุดศูนย์มองว่าหนึ่งจุดศูนย์ไม่ยอมเป็นเครือข่าย


นเรื่องการมองอนาคต หนึ่งจุดศูนย์เชื่อความคิดเป็นสำคัญ อนาคตจึงกลายเป็นความคิดของผู้นำ ในขณะที่สี่จุดศูนย์เชื่อในเรื่องการช่วยกันสร้าง อนาคตจะหน้าตาแบบไหนขึ้นกับการช่วยกันสร้าง แผนยุทธศาสตร์สิบปีร้อยปี ที่คิดโดยนายใหญ่จึงเป็นเรื่องน่าชื่นชมสำหรับหนึ่งจุดศูนย์ ในขณะที่เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนสำหรับสี่จุดศูนย์ วันไหนอยากได้อนาคตแบบไหนเขาก็ช่วยกันสร้างกันในวันนั้น


เพราะยึดมั่นในความคิดใดความคิดหนึ่ง หนึ่งจุดศูนย์จึงมองสรรพสิ่งเป็นขาวกับดำ ไม่ใช่มิตรคือศัตรูเท่านั้น ไม่มีสีเทา ๆคือมิตรบางเรื่อง ศัตรูบางเรื่อง ถ้าสองรุ่นนี้ต้องมาต่อสู้กันด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง สี่จุดศูนย์มักเป็นฝ่ายถูกกระทำแรง ๆเสมอ เพราะฝ่ายหนึ่งมองเป็นศัตรูต้องเล่นงานกันแรง ๆ เล่นงานให้หมดกันไปข้างหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งมองเป็นผู้คนในระบบนิเวศเดียวกัน ซึ่งวันนี้สู้กันในบางเรื่อง แต่วันหน้าต้องช่วยกันในบางเรื่องเช่นกัน


หนึ่งจุดศูนย์เชื่อผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเห็นว่าใครเชี่ยวชาญเรื่องไหนก็มักปักใจเชื่อคนนั้นเป็นพิเศษ ผู้นำหนึ่งจุดศูนย์จึงแวดล้อมไปด้วยเทคโนเครท ในขณะที่สี่จุดศูนย์เชื่อในโฟลัม อยากรู้เรื่องไหนก็ระดมพลมาตั้งโฟลัมหาคำตอบกัน เพราะเชื่อว่าต่างคนต่างช่วยกันมองระบบนิเวศที่อยู่ร่วมกันได้ คำตอบที่ได้จึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามความเห็นของโฟลัม ไม่มีความเห็นของใครที่กลายเป็นสรณะของกลุ่ม ถ้าต้องตัดสินใจอะไรร่วมกันระหว่างหนึ่งจุดศูนย์กับสี่จุดศูนย์ ต้องตกลงกันให้ได้ก่อนว่าจะเอาผู้เชี่ยวชาญ หรือเอาโฟลัมเป็นหลัก ไม่งั้นจะตัดสินใจร่วมกันไม่ได้


การเรียนรู้ของหนึ่งจุดศูนย์นั้นเป็นแบบเรียนคือเรียน เรียนให้เสร็จแล้วค่อยไปทำงาน เพราะการเรียนการสอนมักมีโครงสร้างตายตัว ใครเรียนเรื่องไหนก็เหมือนกันหมดทุกคน ในขณะที่สี่จุดศูนย์เดี่ยวเรียนแบบนั้น อีกเดี่ยวเปลี่ยนไปเรียนแบบนี้ สี่จุดศูนย์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนเป็นประจำ ตามแต่ความต้องการในขณะนั้น เรียนไปทำงานไป หรือแม้แต่เรียนไปเดินขบวนไปเป็นเรื่องธรรมดา หนึ่งจุดศูนย์จะเห็นว่าสี่จุดศูนย์ไม่ตั้งอกตั้งใจเรียน มัวแต่ไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ แทนที่จะเรียนหนังสือให้จบไปก่อน ในขณะที่สี่จุดศูนย์บอกว่าการเรียนแบบมีโครงสร้างตายตัวเหมือนกันไปหมด เป็นเรื่องโบราณไม่ทันยุคทันสมัย


ใครจะเป็นสี่จุดศูนย์ก็ได้ทั้งนั้น คนแก่ก็เป็นสี่จุดศูนย์ได้ อายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับการทำงานข้ามยุค แต่การยึดมั่นว่าจะอยู่ตลอดไปแบบ "หนึ่งจุดศูนย์" ต่างหากที่เป็นปัญหา