สร้างขุมทรัพย์ โดยไม่ต้องลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ

สร้างขุมทรัพย์ โดยไม่ต้องลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งสหรัฐ แม้ในครั้งที่ผ่านมา การเลือกตั้งดูจะไม่มีผลมากนักกับตลาด

ต่างจากครั้งนี้ที่ผลการเลือกตั้งจะกำหนดทิศทางนโยบายการคลังและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่เป็นตัวแปรของอนาคตเศรษฐกิจโลก ภายหลัง Fed ลดดอกเบี้ยจนต่ำสุดและอัดฉีดเงินเข้าระบบครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เพื่อต่อสู้กับวิกฤติโรคโควิด-19ผล

ผลโพล ณ ขณะนี้ชี้ว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตมีโอกาสได้เป็น ปธน คนถัดไป และพรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา หากเป็นเช่นนั้น น่าจะส่งผลต่อสหรัฐฯ และการค้าโลก ดังนี้

160337671145

และแน่นอนว่า นโยบายข้างต้นจะมีผลต่อตลาดการเงินเช่นกัน

  • ดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง จากแผนการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากทำให้ตลาดกังวลต่อฐานะการคลัง ความน่าสนใจของตลาดหุ้นในประเทศลดลงในช่วงสั้น และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่อนคลายขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ยขยับขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้งบประมาณขนาดใหญ่ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและเป็นลบต่อตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจะไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยตลาดจึงจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน – ระยะสั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะกระทบทางลบจากการเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายและการขึ้นภาษี ในทางกลับกันจะดีกับตลาดหุ้นนอกสหรัฐฯ เพราะการค้าโลกฟื้นตัวและดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว มาตรการใช้จ่ายขนาดใหญ่จะสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้

 จากวันนี้ถึงวันรับรองผลการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นหลักของโลกจะผันผวนสูงเพราะมีกระแสเงินลงทุนเชื่อมโยงกัน ซึ่งแทนที่นักลงทุนจะรอลุ้นหรือเข้าลงทุนตามการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งใดๆ เราแนะนำหุ้นจีน A-Shares ที่เป็นทั้งหลุมหลบภัยจากความผันผวนนี้เพราะมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นโลกไม่มาก และเป็นขุมทรัพย์ในการลงทุนระยะยาวได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ 

  1. เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ดีจากวิกฤตโรคโควิด-19 โดย GDP ไตรมาส 2 และ 3 สามารถกลับมาขยายตัวได้ ต่างจากสหรัฐฯ และยูโรโซน ที่ยังเผชิญกับการระบาดอยู่ และยังไม่นับรวมถึงความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทั้งทางการเงินและการคลังหากต้องการหรือจำเป็น
  2. เติบโตโดดเด่นในระยะยาว จีนจะมีบทบาทในโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จากขนาดเศรษฐกิจ การเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างประเทศ และความก้าวด้านเทคโนโลยีที่ไม่แพ้ชาติตะวันตก นอกจากนี้ ประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน สะท้อนอำนาจซื้อในประเทศโดยไม่ต้องพึ่งพาความต้องการจากต่างประเทศ
  3. การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การขยายตัวของสังคมเมือง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นทั้งภาคการผลิตและการบริโภค ซึ่งสอดคล้องกับดัชนี A-Shares ที่ประกอบด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีและ Healthcare ในสัดส่วนที่มากกว่าหุ้นจีน H-Shares
  4. ตลาดหุ้นจีนใหญ่ มีหุ้นให้เลือกเกือบ 4,000 บริษัท และการรวมหุ้นจีน A-Shares เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market ส่งผลบวกต่อกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในจีน
  5. ถึงแม้ว่าหุ้นจีนจะปรับขึ้นมาค่อนข้างแรงตั้งแต่ต้นปี แต่ระดับราคาหรือ Valuation ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต และเทียบกับทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป และอินเดีย 

อย่างไรก็ดี การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง และจีนเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีนักลงทุนรายย่อยในประเทศเป็นผู้เล่นหลัก มีต่างชาติถือหุ้นจีนเพียงราว 3% ของมูลค่าตลาดเท่านั้น จึงเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสามารถลงทุนเพื่อรอผลได้ระยะยาว ทั้งนี้ การเลือกหุ้นที่ดีและมีกลไกควบคุมความเสี่ยงโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยลดความเสี่ยงพร้อมทั้งเพิ่มผลตอบแทนได้ดี

 หมายเหตุ

  • หุ้นจีน A-Shares คือ หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Shenzhen และ Shanghai
  • หุ้นจีน H-Shares คือ หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง