ได้เวลาเปิดกล่องของขวัญ

ได้เวลาเปิดกล่องของขวัญ

ทุกวิกฤติจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น เราได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆที่เกิดจากความดิ้นรน ไม่ยอมแพ้ของมนุษย์

ได้เห็นผู้ชนะ หรือผู้ที่สามารถแปรวิกฤตเป็นโอกาสได้ทุกครั้งเช่นกัน

ความมหัศจรรย์นี้เกิดจากพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวมนุษย์ “Stephen R. Covey” ผู้ก่อตั้ง FranklinCovey สถาบันพัฒนาผู้นำและองค์กรที่ติดอันดับ The World’s Top 20 Leadership Training Companies  เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับกล่องของขวัญ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ 4 อย่าง (The 4 Unique Human Endowments) หลายคนอาจไม่เคยเปิดมันเลย แต่มีหลายคนนำมันมาใช้สร้างความสำเร็จในชีวิต และสามารถฟันฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ไปได้ ของขวัญที่ว่าก็คือ 

1.สติ หรือการรู้ตนเอง (Self-awareness)

 ผู้ที่มีสติจะสามารถรู้เท่าทันตัวเองว่าในตอนนี้ตนเองกำลังมีความรู้สึกอย่างไร กำลังทำอะไร เช่น รู้ว่าตอนนี้กำลังนั่งเล่นเฟซบุ๊ก หรือเล่นไลน์อยู่เฉย ๆโดยปล่อยให้เวลาผ่านไป หรือรู้ว่าโลกวันนี้มันเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมแล้วและไม่ใช่ความผิดของใคร ทุกคนถูกกระทบหมด ไม่ใช่เราคนเดียวเท่านั้น แล้วก็ถามตัวเองว่า  เราคิดอะไรได้บ้าง วันนี้เรามีความสามารถอะไร โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว  มีวิธีอื่นอะไรที่เรายังไม่เคยทำมาก่อนหรือไม่ เมื่อมีสติ ปัญญาก็จะเกิด “จินตนาการ”

2.จินตนาการ (Imagination)

เป็นของขวัญชิ้นที่สองซึ่งหลายคนไม่ได้ใช้โดยเฉพาะเวลาที่เศร้า มีความคิดในเชิงลบ จินตนาการที่จะคิดสร้างสรรค์มักจะไม่เกิดเพราะเรามัวแต่หาเหตุผลเพื่อโทษคนอื่น แต่ถ้ามีสติแล้วถามตัวเองว่า What can I do? อะไรคือสิ่งใหม่ ๆ หรือวิธีใหม่ ๆ ที่เราสามารถทำได้ ความคิดสร้างสรรค์ หรือนวัตกรรมก็จะเกิดขึ้น ความคิดดี ๆ จะมีและทำให้เรามีทางเลือกต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

เช่น พอมีสติแล้ว เราก็อาจขึ้นคิดได้ว่า ในขณะที่ต้องทำงานจากที่บ้าน แต่เราก็ยังสามารถเรียนออนไลน์หรือ e-learning เพื่อพัฒนาตนเอง คำว่า What can I do?  หรือฉันจะทำอะไรได้บ้าง คือวิธีคิดแบบโปรแอคทีฟ ที่ช่วยทำให้เรามีคุณค่า มีพลังงานของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องให้คนอื่นมาบอก

คนโปรแอคทีฟ จะเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า “Circle of Influence” หรือสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ต่างจากคน “Reactive” ที่จะหมกมุ่น มีความวิตกกังวลจนไม่สามารถทำอะไรได้ หรือที่เรียกว่า “Circle of Concern” คิดแต่เรื่องลบ ๆ ที่กำลังกระทบชีวิต ทำให้ชีวิตแย่กว่าเดิม

น่าเสียดายที่วันนี้หลายคนยังหวังว่าทำตัวเหมือนเดิมแล้วชีวิตจะดีเท่าเดิม หรือคิดว่าถ้าทำธุรกิจเหมือนเดิมแล้วจะได้ผลลัพธ์เท่าเดิม ซึ่งเป็นไปไม่ได้  หากคุณยังคิดแบบนั้น ก็จะถูกโลกใบนี้ทิ้งแน่นอน

คนหรือองค์กรที่โปรแอคทีฟจะคิดอยู่เสมอว่าภายใต้สภาพแวดล้อมแบบใหม่นี้  จะมีวิธีใหม่  ๆ อะไรบ้าง ความมหัศจรรย์ของมนุษย์คือศักยภาพที่ไม่จำกัดนั่นเอง

เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ทั้งในระดับบุคคล และองค์กรที่ดิ้นรนจนสร้างนวัตกรรม หรือขีดความสามารถใหม่ ๆ ที่เคยคิดว่าจะทำได้คงต้องใช้เวลา 3-5 ปี แต่สุดท้ายก็ทำได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

เพราะเวลาที่อยู่สบาย ๆ มนุษย์อาจไม่ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ จนเข้าใจไปว่าสิ่งที่ทำได้ในทุกวันนี้คือสิ่งที่ทำได้เต็มความสามารถแล้ว  ซึ่งแท้จริงมันอาจห่างไกลจากสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้จริง ๆ ไอน์สไตน์ก็เคยกล่าวว่ามนุษย์ใช้ศักยภาพของสมองเพียงแค่ 10% ของความสามารถที่แท้จริง

ประสบการณ์มีข้อจำกัด แต่จินตนาการไร้ขีดจำกัดเป็นสิ่งที่มนุษย์มีแต่ AI หรือหุ่นยนต์ไม่มี มนุษย์ที่รู้จักใช้ประโยชน์จากของขวัญชิ้นนี้ จึงสามารถสร้างสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้

3.จิตสำนึก (Conscience)

ขณะที่จินตนาการพามนุษย์ไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด จิตสำนึกจะเป็นตัวที่ควบคุมให้มนุษย์รู้สึกผิดชอบชั่วดี เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีความสุข นอนหลับฝันดี ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

จิตสำนึกคอยย้ำเตือนให้เราพยายามทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องให้ดีที่สุด เราจะรู้สึกผิดหากไม่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่เมื่อมีโอกาสหยิบยื่นมาให้ จิตสำนึกคืออีกของขวัญอีกชิ้นหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เราแตกต่างจาก AI (Artificial Intelligence)

4.อิสรภาพในการกระทำ (Independent Will)

หมายถึงการที่เราสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ ไม่มีใครสั่งการ และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของการกระทำนั้น คนที่มีอิสรภาพในการกระทำจะไม่ตกเป็นเหยื่อของสิ่งแวดล้อม สามารถกำหนดการกระทำ อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และทุกครั้งที่เจอวิกฤติ ก็จะไม่หงุดหงิด และสามารถรักษาพลังบวกไว้ในตัวเอง ทำในสิ่งที่เป็นบวกได้ รวมทั้งรับผิดชอบผลจากการกระทำของตัวเองไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ 

มนุษย์หลายคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะเขารู้จักใช้ของขวัญทั้งสี่ชิ้นนี้มากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเพราะเขาฉลาดกว่าคนอื่น และเพราะเขาเห็นคุณค่าของขวัญเหล่านี้ และหมั่นฝึกซ้อมกล้ามเนื้อทั้งสี่นี้อยู่เสมอนั่นเอง

----------------------------------------------------

พรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร PacRim Group: “Trusted Partner to Accelerate Transformation and Performance Improvement”

คลิกเพื่อทำความรู้จักแพคริม Solutions และ Development Programs จากพาร์ทเนอร์ระดับโลกได้ที่ https://www.pacrimgroup.com/#/home