รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของผม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของผม

มีเสียงโจษจันท์ถึงความยากลำบากในการสรรหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ(รมว.)คลังต่างๆ นานา นับแต่ คุณปรีดี ดาวฉาย ได้ลาออกไป

อันเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมและนักสะสมธนบัตรหลายคนกำลังไล่ล่าหาธนบัตรที่มีลายมือชื่อของคุณปรีดีฯ อยู่บนธนบัตร ซึ่งน่าจะเป็นของหายากสำหรับนักสะสม เพราะทราบมาว่าการพิมพ์ธนบัตรใหม่จะทำแทบทุกวัน ดังนั้นการเป็นรัฐมนตรีถึง 20 กว่าวันของคุณปรีดีฯ ย่อมน่าจะมีธนบัตรปรากฎลายเซ็นในฐานะ รมว.คลังในขณะนั้นเล็ดลอดออกมาบ้าง

เรื่องสะสมธนบัตรเป็นงานอดิเรกของคนจำนวนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่เรื่องหลักที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปยิ่งกว่า คือ เรื่องของผู้ที่จะเข้ามาแทนคุณปรีดีฯ ที่มีรายชื่อของคนที่อยู่ในข่ายจะเข้ามาทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้หลายท่านด้วยกัน ถ้าตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของผม ต้องเรียนว่า มิได้มีความยากเย็นใดๆ สำหรับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการจะสรรหาคนมาดำรงตำแหน่ง เพราะทราบว่า “คนอยากเป็น” นั้นมีมากมาย ไม่ใช่อย่างที่ร่ำลือกันว่าคนนั้นคนนี้โดดหนี ผมเคยแอบถามคนที่อยู่ในข่ายบางคนท่านก็บอกว่ามีคนมาทาบทาม แต่พอไปถามแหล่งข่าวของผมก็ยืนยันว่า สื่อเอาไปลงบ้าง หรือมีใครเอาไปให้สื่อลงก็มิอาจทราบได้ คล้ายๆ ช่วงผมเป็น สปช. พบว่าชื่อที่ร่ำลือเป็น “สปช. สื่อตั้ง” ทั้งนั้น

นั่นหมายความว่า เวลานี้ ปัญหาในการได้มาซึ่ง รมว.คลัง จึงมิได้อยู่ที่เรื่องของการไม่มีคนให้เลือก ปัญหาอยู่ที่ คนที่มีให้เลือกยังไม่เข้าตา ยังไม่อยู่ในคุณสมบัติหรือในข่ายที่จะทำงานตามแนวนโยบายหรือมีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนมากกว่า เคยมีนักวิชาการกล่าวว่า การเป็นรัฐมนตรีจะว่าการกระทรวงใดมิใช่เรื่องยาก เพราะในอดีตเคยมีนักการเมือง เช่น คุณบรรหาร ศิลปอาชา ที่ไม่ได้ร่ำเรียนหรือทำงานด้านนี้มาก่อนก็เคยมาดำรงตำแหน่งแล้ว และยังทำหน้าที่ประคับประคองนำพาเศรษฐกิจไปได้ด้วยความราบรื่น อาจดีกว่าสมัยที่มีนักวิชาการหรือคนที่ว่า “เก่ง” นักเก่งหนา เข้ามาทำหน้าที่ นักวิชาการคนเดียวกันนี้ปรียบเปรยว่า การบริหารเศรษฐกิจ นั้นคล้ายกับศาสตร์ทางจิตวิทยา ที่บางทีตัวชี้วัดเป็นเรื่องของอารมรณ์ความรู้สึก เพราะถ้าเราบอกว่า คนป่วยทางจิตที่เราดูแลอยู่ดีขึ้น นั้นเราอาจมองเห็นว่าเขาตอบสนองต่อยาหรือเข้ากับสังคมได้ดีขึ้น คือ ดูจากพฤติกรรม อากัปกริยาท่าทาง หรือไปทำแบบทดสอบที่ยังคงถกเถียงกันว่าคนบางคนสามารถหลบหลีกความจริงในแบบสอบถามได้

เช่นเดียวกันในองค์ความรู้ทางเศรษฐกิจ เราเริ่มต้นกันที่ อดัม สมิธ รุ่นพี่ของผมเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด อธิบายกลไกระบบเศรษฐกิจให้เข้าใจง่ายๆ ว่า มันจะมีมือที่มองไม่เห็น(invisible hand) เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ เราควรปล่อยให้ทุกอย่างมันเดินไปตามทิศทางของมัน อย่าไปแทรกแซงขัดจังหวะหรือไปทำอะไรมัน ดูอยู่ห่างๆ เหมือนพ่อแม่เด็กสมัยใหม่(อันนี้ผมคิดเขียนเอง) ที่จะปล่อยให้ลูกมีเสรีภาพมาก คิดอ่านทำการอะไรได้เอง พ่อแม่คอยประคับประคองไม่ต้องเฆี่ยนตี อาจดุด่าว่ากล่าวตักเตือนกันตามโอกาส ผมจึงมองว่า เป็นวิธีการที่คล้ายกับพี่อดัม สมิธ ของผม

นั่นหมายความว่า ถ้าเราเชื่อตามทฤษฎีที่ผมนำมาเสนอนี้ รายชื่อคนในกระทรวงการคลังที่ผมรู้จักคุ้นเคยสามารถเป็น รมว.คลังได้ทุกคน ตั้งแต่คุณ ประสงค์ พูนธเนศ ที่ผมมีโอกาสรู้จักท่านเพราะได้ไปเข้าร่วมเรียนหลักสูตรเดียวกับท่านในระยะเวลาสั้นๆ เคยแวะไปพบท่านที่โคราช ได้เคยมีโอกาสพูดคุยประชุมกับท่านก็พบว่าเป็นผู้มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามหาทางแก้ปัญหา ไม่มองว่าอะไรจะเป็นเรื่องยากเกินที่เราจะแก้ไขได้

คนถัดมาที่ผมรู้จัก คือ ท่าน ลวรณ แสงสนิท ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยตลาดทุน (วตท.) ทราบว่าท่านเป็นคนเก่งมากจากการที่ได้เห็นการแสดงบทบาทในฐานะโฆษกกระทรวง และทำหน้าที่แถลงข่าวในเรื่องเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิดหลายครั้ง เป็นที่ประจักษ์ในความรู้ความสามารถถึงขั้นที่มีข่าวว่า เหตุผลหนึ่งในการที่คุณปรีดีฯ ลาออก ก็เพราะประเด็นการเสนอชื่ออธิบดีกรมสรรพสามิตที่คุณลวรณฯ จะเข้าดำรงตำแหน่งในเดือน ต.ค.นี้

ท่าน กฤษฎา จีนะวิจารณะ ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลัง แทนคุณประสงค์ฯ ถือเป็นพี่เก่าจุฬาฯ ที่มีโอกาสพบกันในหลายวาระโอกาส ทั้งการเป็นคณะกรรมการบางชุดร่วมกัน กระทั่งการได้พบกันในงานชุมนุมศิษบ์เก่า ที่มักพบว่าท่านให้เกียรติมาร่วมงานและให้การสนับสนุนกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง จัดเป็นคนดีมีฝีมืออีกท่านหนึ่ง

สำหรับอธิบดีกรมสรรพากร ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผมรู้จักท่านมายาวนาน เพราะเราเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลรุ่นเดียวกัน แถมยังคุ้นเคยกับคุณแม่ของ ดร.เอกนิติฯ (ท่าน ผานิตฯ) ในฐานะอดีต สปช. และคุณผานิตฯ ยังไปเป็นรุ่นพี่ของผมที่ วตท. อีกด้วย คุณเอกนิติฯ ได้รับการคาดการณ์ว่า จะได้เป็น รมว.คลัง จากเพื่อนนักเรียนของผมที่อ๊อกซ์ฟอร์ดมาตั้งแต่สมัยผมเรียนปริญญาเอก เพราะเป็นคนหนุ่ม สมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลเชิญท่านไปเป็นตัวอย่างให้นักเรียนทุนรัฐบาลบ่อยครั้ง แม้แต่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) ที่ผมเป็นกรรมการการศึกษาของสถาบันฯ ก็เชิญท่านไปบรรยาย

ส่วนรองปลัดและเทียบเท่า ได้แก่ คุณ จุมพล ริมสาคร และ คุณประภาศ คงเอียด  ผมได้มีโอกาสพบเจอทั้ง 2 ท่านในวาระโอกาสต่างกัน คุณจุมพลฯ เป็นคนแปดริ้วบ้านเดียวกันกับผม ส่วนคุณประภาศฯ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของผมที่ วปอ.รุ่นที่ 56 เช่นเดียวกับท่านผู้ตรวจฯ ชุณหจิต สังข์ใหม่ ผู้ตรวจ วิจักณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย  และ ท่าน ปานทิพ ศรีพิมล รองปลัดอีกท่านหนึ่ง คุณจุมพลฯ และคุณประภาสฯ มีความคล้ายกันตามที่ผมทราบมา นอกจากคล้ายกันเองแล้วยังคล้ายกับพี่ประสงค์ฯ ที่ได่เต้ามาจากข้าราชการชั้นผู้น้อยกระทั่งก้าวมาเป็นบุคคลสำคัญของกระทรวงในวันนี้ ทั้งคุณจุมพล และคุณประภาสฯ เริ่มต้นรับราชการกระทรวงการคลังมาตั้งแต่ ซี 1 น้อยคนนักที่จะไต่เต้าขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ เท่าที่ผมจำได้ เคยได้ยินว่ามี พล.อ.อู๊ด เบื่องบน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดในอาชีพก็มาจากข้าราชการชั้นผู้น้อยมาก่อน

จึงเห็นได้ว่า กระทรวงการคลังมีแต่คนมากด้วยความรู้ความสามารถ ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนนอก หรือคนจำนวนมาก ที่สังคมกับ สื่อ ช่วยกันโหมประโคมข่าวมากมาย ผมเชื่อว่า ไม่ว่าใครในนี้ได้เป็น ผมก็ดีใจแทนทุกท่าน และเชื่อมือว่าท่านจะนำพาประเทศไปสู่ฝั่งฝันได้ เพราะคนของกรมสรรพากรที่ผมเคยขอตัวมาช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาของผมที่รัฐสภาก็มีฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์