โควิด-19 คือธนูดอกแรก

โควิด-19 คือธนูดอกแรก

ณ วันนี้ มีผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 เกิน 30 ล้านคน ผู้เสียชีวิตราว 1 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ายังมีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโควิด-19 อีกมาก

แต่มิได้รับการตรวจเพราะขาดปัจจัย เช่น การตรวจครอบคลุมไปไม่ถึง ชาวอเมริกันนำโด่งทั้งในด้านผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต

กระนั้นก็ดี ยังมีชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีฐานด้านความเป็นจริง หากเป็นผลงานของผู้ไม่หวังดีที่สมคบคิดกันกุขึ้น ผู้รู้จักสังคมอเมริกันดีจะเข้าใจว่าเพราะอะไรชาวอเมริกันจึงเชื่อเช่นนั้น ทั้งนี้เพราะ ณ วันนี้ ยังมีชาวอเมริกันเป็นสมาชิกของสมาคมโลกแบน อีกทั้งยังมีผู้เชื่อว่าการส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์มิใช่เรื่องจริง

บนฐานของการคิดดังกล่าว ชาวอเมริกันนับล้านคนไม่เชื่อว่ามนุษย์มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ในจำนวนนี้เป็นที่ประจักษ์ว่ามีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์รวมอยู่ด้วย ในช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นโยบายของรัฐบาลอเมริกันจึงเน้นการยกเลิกมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมของชาวอเมริกัน ด้วยเหตุนี้ อาจคาดเดาได้ทันทีว่า ชาวอเมริกันนับล้านคนจะไม่ใส่ใจในรายงานล่าสุดของกองทุนสัตว์ป่าโลก ซึ่งพูดถึงการทำลายธรรมชาติจนขาดสมดุลแบบต่อไม่ติดเป็นต้นเหตุของการระบาดของโควิด-19

รายงานดังกล่าวมีข้อมูลมากมายรวมทั้งจำพวกน่าตกใจแต่เรามองไม่เห็น เช่น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะจากการสูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำทำให้สัตว์น้ำจืดลดลงโดยเฉลี่ยสายพันธุ์ละ 84% ย่านที่สัตว์จำพวกนี้ลดลงมากที่สุดได้แก่ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซึ่งลดลงไปโดยเฉลี่ยสายพันธุ์ละ 94%

การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นผลของจำนวนประชาการโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และแต่ละคนพยายามบริโภคหรือใช้ทรัพยากรโลกเพิ่มขึ้นด้วย การทำลายป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำนำไปสู่การลดลงของสัตว์บางสายพันธุ์ซึ่งส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไป แม้แต่การติดต่อสื่อสารและค้าขายของมนุษย์เราก็มีผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อสัตว์และพืชถูกนำข้ามเขตไปยังต่างถิ่น เรื่องงูเหลือมยักษ์จากเอเชียไปไล่กินสัตว์ในรัฐฟลอริดาอาจเป็นที่รับรู้กันอยู่บ้างแล้ว เมื่อสัตว์ในท้องถิ่นถูกกินจนแทบสูญพันธุ์ สิ่งอื่นที่อยู่ในระบบห่วงโซ่ของมันย่อมถูกกระทบด้วย

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว คอลัมน์นี้พูดถึงการตกงานอันเนื่องมาจากโควิด-19 และความอดอยากทำให้ชาวบราซิลจำนวนมากบุกเข้าไปในป่าอะเมซอน ส่วนหนึ่งเพื่อแสวงหาทองคำมาขายซึ่งทำลายระบบนิเวศลงด้วย หากขยายประเด็นนี้ต่อไป นั่นหมายความว่าโควิด-19 กำลังปูทางให้เกิดการสร้างเชื้อโรคร้ายรุ่นต่อไป ด้วยเหตุนี้ในที่สุดจำนวนประชากรโลกจะลดลงส่งผลให้ความสมดุลของระบบนิเวศกลับคืนมา

คำถามสำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวที่มีความสามารถในด้านการสร้างระบบสมมติขึ้นมาใช้ในการดำรงชีวิตคือ เราจะรอให้ธรรมชาติบังคับให้เราลดจำนวนลง หรือเราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราโดยความสมัครใจ ทั้งในด้านการลดจำนวนลงและในด้านการบริโภค หรือใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรเพราะหลงในระบบสมมติที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เช่น การตีค่าทองคำจำนวนนับแสนตันที่ขุดมาเก็บไว้โดยมิได้ใช้ทำประโยชน์ ซ้ำร้ายยังต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งส่งผลให้เกิดการทำลายระบบนิเวศอีกทอดหนึ่ง

แม้ภาพในรายงานดังกล่าวดูจะเลวร้าย แต่ผู้เชี่ยวชาญของกองทุนสัตว์ป่าโลกหลายคนแสดงความเห็นว่ายังไม่สายเกินไปที่มนุษย์จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพและความสมดุลในระบบนิเวศกลับคืนมา แต่ใครล่ะจะเริ่มต้น? สหรัฐเป็นผู้นำมานาน แต่ทางด้านนี้มีแต่จะเตะถ่วงมากกว่า ส่วนรัฐบาลอื่นรวมทั้งไทยยังมุ่งกระตุ้นให้กินใช้และขุดทองกันแบบไม่อั้นผ่านการท่องเที่ยวและเปิดพื้นที่ใหม่ให้ขุดทองตามลำดับ

ด้วยเหตุนี้ โควิด-19 จะมีลักษณะคล้ายลูกธนูสังหารดอกแรก อีกไม่นานลูกธนูสังหารดอกต่อๆ ไปจะตามมา เริ่มเตรียมตัวเตรียมใจ หรือลดการบริโภคที่ไม่จำเป็นกันบ้างหรือยัง?