กองทุนหุ้นบุริมสิทธิ

กองทุนหุ้นบุริมสิทธิ

ในช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากหลายปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาด โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่มีแนวโน้มว่าการที่จะได้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อาจถูกเลื่อนออกไป หลังบริษัท AstraZeneca พบผลกระทบอันไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรงในการทดสอบวัคซีน และบริษัทผลิตยาอื่นๆ ต่างออกมาให้คำมั่นว่าจะไม่ละเลยเรื่องความปลอดภัย ปัจจัยสำคัญต่อมาได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งปัญหาสงครามการค้า เทคโนโลยี และการเมือง โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เผยว่าหากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาอาจจะประกาศลดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน และลงโทษบริษัทของสหรัฐที่มีฐานการผลิตในต่างประเทศ ทั้งนี้ ถึงแม้หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนก็ยังคงมีแนวโน้มดำเนินต่อไป ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญได้แก่ การเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นในปีนี้ และฉุดตลาดหุ้นในหลายๆประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีแนวโน้มที่ดี เพราะเทคโนโลยียังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการลงทุน ในช่วงนี้อาจถือเงินสดให้มากขึ้น เพื่อรอโอกาสในการกลับเข้าลงทุน แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยง แต่ไม่ต้องการถือเงินสด อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงน้อยลง เช่นกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น อย่างไรก็ดี การที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ และผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปอาจไม่ดึงดูดใจมากพอสำหรับนักลงทุนที่ปกติรับความเสี่ยงได้สูง ในขณะที่ นักลงทุนบางท่านอาจไม่มั่นใจในการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายอาจจำเป็นต้องปรับลดค่าธรรมเนียมเพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้เช่า

สำหรับนักลงทุนที่ปกติรับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นบุริมสิทธิ (preferred stock) โดยหุ้นบุริมสิทธิคือตราสารที่ผู้ถือมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่ไม่มีสิทธิ์ในการลงมติออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น โดยเมื่อบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ในขณะที่ผู้ถือหุ้นสามัญอาจไม่ได้รับเงินปันผลหากบริษัทต้องการนำเงินไปใช้ในทางอื่นๆ และหากบริษัทเลิกกิจการผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ

ด้วยคุณลักษณะการจ่ายปันผลตามอัตราที่กำหนดไว้ นักลงทุนจำนวนมากจึงมองหุ้นบุริมสิทธิเหมือนหุ้นกู้ แต่แตกต่างตรงที่หุ้นบุริมสิทธิไม่มีกำหนดการไถ่ถอน และให้หากปีใดที่บริษัทไม่มีกำไรก็อาจไม่จ่ายปันผล แต่ก็อาจยกยอดไปจ่ายในงวดถัดไปได้หากหุ้นบุริมสิทธินั้นเป็นชนิดสะสมเงินปันผล ผิดกับหุ้นกู้ที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด โดยหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกับหุ้นบุริมสิทธิได้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์มีฐานะเป็นเจ้าหนี้เหมือนหุ้นกู้ธรรมดา แต่หากบริษัทปิดกิจการ ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะได้รับเงินคืนหลังผู้ถือหุ้นกู้ทั่วไป แต่จะได้รับเงินก่อนผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นสามัญ นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (perpetual subordinated bond) คือไม่มีกำหนดการไถ่ถอนและอาจมีเงื่อนไขไม่จ่ายดอกเบี้ยหรือยกยอดไปจ่ายดอกเบี้ยในงวดถัดไปได้เช่นเดียวกับหุ้นบุริมสิทธิ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า หุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ด้อยสิทธิมีความใกล้เคียงกันมาก โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการและจำนวนเงินปันผลที่ได้รับขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ในขณะที่ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิมีฐานะเป็นเจ้าหนี้และดอกเบี้ยที่ได้รับเป็นอัตราคงที่ ดังนั้น กองทุนรวมหุ้นบุริมสิทธิจึงมักมีการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิไปด้วย เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุน กระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป แต่มีระดับความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นสามัญ

อย่างไรก็ดี การลงทุนในกองทุนหุ้นบุริมสิทธิมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารเช่นเดียวกับกองทุนตราสารหนี้และกองทุนหุ้นทั่วไป รวมถึงมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทผู้ออกหุ้นบุริมสิทธิอาจไม่สามารถจ่ายปันผลได้ หรือบริษัทผู้ออกหุ้นกู้อาจประกาศไม่จ่ายดอกเบี้ยในบางงวด ดังนั้น นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน และประเมินความเสี่ยงของท่านก่อนการลงทุนครับ