'เวลา' และ 'โอกาส' (2)

'เวลา' และ 'โอกาส' (2)

ต้องปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เพื่อคว้าโอกาสมาให้ได้

จากตำราวิชาประวัติศาสตร์ที่เราเคยเรียนสมัยเด็กๆ จะเห็นอิทธิพลของชาว “ฮอลันดา” ที่แผ่ไพศาลไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในฐานะของชาวยุโรปที่บุกเบิกไปยังดินแดนโพ้นทะเลต่างๆ เพื่อแสวงหาโอกาสจากทรัพยากรที่มีอยู่มากมายในมุมต่าง ๆ ของโลก

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เห็นบทบาทของชาวอังกฤษขึ้นมาแทนที่ด้วยการล่าอาณานิคมขยายดินแดนของอังกฤษไปทั่วทั้งเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ จนเงินปอนด์สเตอร์ลิงกลายเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้ในการค้าขายทั่วโลก

มาถึงทุกวันนี้เราแทบจะลืมบทบาทของฮอลแลนด์หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันไปเสียแล้ว แม้กระทั่งอังกฤษเองที่แม้จะยังคงยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับบทบาทของประเทศมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวอย่างสหรัฐ

แล้วในอนาคตจะเป็นอย่างไร คงไม่มีใครสามารถเดินทางไปในอนาคตและย้อนกลับมาเล่าให้เราฟังได้เป็นแน่ หากแต่เหตุการณ์ในปัจจุบันอาจทำให้เรามองเห็นได้บ้างว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ซึ่งเราก็จะเห็นผู้นำของสหรัฐกำลังระส่ำระสายจากพิษของโรคระบาดและการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทำอยู่ในทุกวันนี้ดูเหมือนเป็นภาวะหลังชนฝา ทั้งสงครามการค้าที่ประกาศต่อกรกับหลายประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐโดยเฉพาะประเทศจีน ก่อนจะขยายไปอีกหลายประเทศจนดูเหมือนไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่เน้นความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศเท่านั้น

ในขณะที่พันธมิตรรายสำคัญในยุโรปอย่างเช่นเยอรมันนี ก็มีกรณีอื้อฉาวเกิดขึ้นจากการดักฟังโทรศัพท์ผู้นำของเยอรมันนีมานับสิบปี สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐ​ ไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะกำลังกังวลว่าจะสูญเสียตำแหน่งมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกไป

มาถึงวันนี้เมื่อสหรัฐประกาศแบนเทคโนโลยี 5จี ของจีนโดยหยิบยกเอาเหตุผลด้านความมั่นคงมาอ้างจึงดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไรนัก เพราะนั่นล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาก่อนในอดีต แต่ทั้งหมดเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเพื่อหาทางสกัดกั้นประเทศจีนที่กำลังจะเติบใหญ่ขึ้นมาแทนที่ตัวเองในอนาคต

สหรัฐอาจหลงลืมไปว่าจุดกำเนิดของประเทศตัวเองในอดีตเป็นเพียงกลุ่มผู้อพยพชาวยุโรปที่หนีความแร้นแค้นจากบ้านเกิดเมืองนอนมาบุกเบิกเพื่อหาโอกาสในแผ่นดินใหม่ด้วยกันทั้งนั้น จนกาลเวลาผ่านมาเพียง 200 ปีก็ใช้โอกาสนั้นก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก

ทุกวันนี้โลกจึงเกิดความผันผวนวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะขั้วอำนาจของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยสหรัฐที่กำลังสูญเสียอำนาจกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อครองอำนาจต่อให้นานที่สุดจึงจำเป็นต้องใช้ทุกนโยบายและทุกช่องทางรักษาฐานกำลังของตัวเองเอาไว้

เราจึงเห็นประธานาธิบดีอย่างทรัมป์ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะความสุดขั้วทางการเมืองในช่วงเปลี่ยนขั้วอำนาจทำให้คนอเมริกันผิวขาวจำนวนไม่น้อยคล้อยตามแนวคิดของทรัมป์ที่ต้องการรักษาความยิ่งใหญ่ของประเทศตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นวัฎจักรที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ในห้วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะไปประจวบรวมกับการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอย่างคาดไม่ถึง

อย่างไรก็ตาม ทุกวิกฤติย่อมก่อให้เกิดโอกาสมากที่สุดเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมมีทั้งคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ยอมเปลี่ยนแปลง และกล้าเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนี้เองที่จะได้โอกาสมากที่สุด ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้โดยเร็ว เพื่อคว้าโอกาสมาให้ได้