การเปลี่ยนแปลงแม้จะส่งผลกระทบรุนแรง แต่ในเวลาเดียวกันก็สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ที่มีความพร้อมจะเก็บเกี่ยว
วันเวลาที่ผ่านไปแต่ในวันในสายตาเด็กๆ ดูจะเชื่องช้าเหลือเกิน เพราะเมื่อผ่านเทศกาลคริสต์มาสเด็กๆ ก็ตั้งตารอของขวัญในวันปีใหม่และเทศกาลพิเศษต่างๆ รวมถึงวันเกิดจึงภาวะนาให้แต่ละวันผ่านไปเร็วๆ
ตรงกันข้ามกับวัยผู้ใหญ่ที่พบว่ามีเวลาในแต่ละวันน้อยเหลือเกินและกว่าจะรู้ตัวเดือนที่ 8 ก็กำลังจะผ่านพ้นไปหลังจากก้าวสู่ปี 2563 มาได้ไม่นานมานี้เอง
ความเหลื่อมล้ำด้านเวลาไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ แต่วิถีชีวิตในปัจจุบันกับในอดีต ก็มีความแตกต่างกันมาก ลองจินตนาการถึงคนรุ่นคุณปู่คุณย่าที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในชั่วชีวิตตรงกันข้ามกันในทุกวันนี้ที่เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ส่งผลกระทบถึงตัวเราทั้งในแง่การงาน เศรษฐกิจ สังคม และครอบครัว
เพราะในรุ่นคุณปู่คุณย่าวิถีชีวิตของคนทั่วไปมักยึดโยงอยู่กับถิ่นเกิดนับตั้งแต่เกิด เล่าเรียน ทำงาน แต่งงาน มีครอบครัว ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้เคียงหมู่บ้านหรือจังหวัดเดิมเป็นหลัก คนที่จะก้าวออกจากถิ่นเกิดได้มักจะเติบใหญ่เป็นข้าราชการ ทหาร พ่อค้า ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนในยุคนั้นในชั่วหนึ่งอายุคนจึงอาจเทียบได้กับไม่กี่ปีของคนในยุคนี้เท่านั้นเอง เพราะการมาถึงของเทคโนโลยีย่อโลกให้เล็กลงจนเราติดต่อกับอีกซีกโลกหนึ่งได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดอะไรขึ้นในมุมหนึ่งของโลกจึงมีผลกระทบต่อคนทั้งโลกได้ในเวลาอันรวดเร็ว
โควิด-19 ก็เป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่งเพราะโรคระบาดในเมืองหนึ่งของจีนกลับทำให้ทั้งโลกต้องโกลาหล เพราะโลกเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วการแพร่กระจายของโรคจึงเป็นเรื่องยากเกินความควบคุม
แม้สถานการณ์บ้านเราจะดูเหมือนทรงตัวแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าภัยพิบัติดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านพ้นไป ความเงียบสงบดังกล่าวเปรียบเสมือนเราอยู่ในใจกลางตาพายุที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
วิถีชีวิตของเราที่เปลี่ยนไปไม่ได้มีผลกระทบมาจากเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว แต่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่บันยะบัน ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลกครั้งใหญ่จนกลายเป็นภาวะโลกร้อน ผลที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้คือความแปรปรวนของสภาพอากาศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ภาวะอุทกภัยที่รุนแรกเป็นประวัติการณ์ในประเทศจีนจนต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 10 ล้านคน และมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 24 ล้านคน เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด แม้จีนจะมีเขื่อนจำนวนมากที่สร้างขึ้นมารองรับปัญหานี้แต่เขื่อนที่มีก็ไม่เพียงพอจึงต้องระบายน้ำออกมาจนทำให้หลายเมืองต้องจมน้ำสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 3-4 แสนล้านบาท
เช่นเดียวกับบ้านเราที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนรัฐบาลกำลังหาทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งในหลายๆ จังหวัด แต่ละปีเราจึงได้ข่าวทั้งนำท่วมและภัยแล้งเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน กลายเป็นความสุดขั้วที่เกิดขึ้นทำให้เราวางแผนรับมือได้ลำบากมาก
ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ ความแน่นอนเพียงอย่างเดียวก็คือความไม่แน่นอน แล้วเราจะวางอนาคตอย่างไรภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะกำหนดทิศทางและเป้าหมายขององค์กรอย่างไรนั่นเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้บริหารต้องขบคิด
เพราะการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้แม้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ในเวลาเดียวกันก็สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ที่มีความพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวโอกาสเหล่านั้นได้เช่นกัน