ซื้อหุ้นเพราะศรัทธาหรือจ่ายล่วงหน้าเพื่ออนาคต

ซื้อหุ้นเพราะศรัทธาหรือจ่ายล่วงหน้าเพื่ออนาคต

สหรัฐยังควบคุมโรคระบาดไม่ได้เศรษฐกิจสั่นคลอน การว่างงานสูง สถาบันการศึกษาไม่สามารถจะเปิดเทอมตามปกติและยังไม่แน่ใจว่าจะสอนแบบออนไลน์ได้แค่ไหน

การประท้วงเรื่องปัญหาสังคมยังเป็นไปต่อเนื่อง ผู้นำรัฐบาลชุดปัจจุบันมีความเครียดเนื่องจากการเลือกตั้งใกล้เข้ามา เงินช่วยเหลือประชาชนจะสิ้นสุดลงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลายล้านครอบครัวอาจไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องจากไม่สามารถชำระค่างวดหรือค่าเช่าได้ การประกันสุขภาพของหลายคนผูกอยู่กับงานที่ทำ ไม่มีงานก็ไม่มีประกันสุขภาพ สภาวะเศรษฐกิจระดับครอบครัวล่อแหลมมาก ฯลฯ

เพียงแค่ระยะเวลา 15 วันที่ผ่านมา จำนวนชาวอเมริกันผู้ติดเชื้อCOVID-19 เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ยอดปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 4 ล้านคน และจำนวนผู้เสียชีวิตเกินกว่า 144,000 คน แถมมีการประเมินเพิ่มเติมว่าจำนวนผู้เสียชีวิตภายในสิ้นปีนี้อาจจะรวมถึง 300,000 คน

แต่ดัชนีของตลาดหุ้นทั้งสามของอเมริกาเพิ่มขึ้นเสมือนไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาข้างต้น ภายในหนึ่งเดือน ดัชนีดาวโจนส์ +4.74% ดัชนี S&P 500 +6.08% และดัชนีตลาด NASDAQ +5.57%

บริษัทยอดนิยมได้รับรางวัลจากนักลงทุนภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาดังนี้

Apple +2.28% มูลค่าหุ้น 1.61ล้านล้านดอลลาร์

Microsoft +0.75% มูลค่าหุ้น 1.54ล้านล้านดอลลาร์

Amazon +9.68% มูลค่าหุ้น 1.49ล้านล้านดอลลาร์

Google +4.61% มูลค่าหุ้น 1.04 ล้านล้านดอลลาร์

Alibaba +12.20% มูลค่าหุ้น 675,720 ล้านดอลลาร์

Tesla +48.62% มูลค่าหุ้น 280,640 ล้านดอลลาร์

ความสะดวกรวดเร็วในการซื้อขายหุ้นการแลกเปลี่ยนข่าวสารในปัจจุบันรวมถึงการที่คนส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้กิจกรรมในตลาดหุ้นดูคึกคักเป็นไปได้ว่าชาวอเมริกันเริ่มยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าชีวิตจะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เริ่มเห็นว่าอะไรคือวิถีชีวิตใหม่ การซื้อขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเริ่มต้นเพราะความจำเป็นอาจขลุกขลักบ้างในระยะแรกแต่ปัจจุบันมีความคล่องตัวจึงกลายเป็นสิ่งที่ใช้กันแพร่หลายการทำงานและการศึกษาที่ใช้ระบบออนไลน์ทำให้ทุกคนต้องบังคับตัวเองให้เรียนรู้เพราะไม่มีทางเลือกการคมนาคมโดยเฉพาะเรื่องรถยนต์จึงมีการเปิดแนวทางใหม่ไปเน้นใช้พลังงานสะอาดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีต่างๆซึ่งตอบสนองความต้องการและวิสัยทัศน์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวยุคใหม่ จึงได้รับรางวัลและความเชื่อมั่น โดยเห็นได้จากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าผู้ลงทุนในปัจจุบันกำลังยื่นทุนล่วงหน้าให้กับบริษัทฯเพื่อนำไปผลิตสินค้าและบริการให้ตรงกับอุดมคติและวิสัยทัศน์ เขายอมเสี่ยงลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนกับวิถีชีวิตใหม่ โดยไม่วิเคราะห์ต้นทุนกำไรเพื่อประเมินราคาหุ้นอย่างละเอียดรอบคอบเหมือนอย่างที่เคยใช้ในอดีต

นักวิเคราะห์จากGoldman Sachs ซึ่งปกติจะมีอิทธิพลมากในการโน้มน้าวการตัดสินใจของนักลงทุน วิเคราะห์ว่าราคาหุ้นของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล สูงเกินไปและควรจะถูกปรับลงมาประมาณ 30% แต่กลุ่มผู้ที่ชอบบริษัทแอ๊ปเปิ้ลมาก กลับตอบโต้ด้วยการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีความศรัทธากับวิสัยทัศน์และนโยบายของบริษัท จนกลายเป็นความนิยมกึ่งลัทธิความเชื่อ และสิ่งที่หลายคนกำลังจดจ่อรอก็คือ iPhone 12 ที่มีเทคโนโลยี 5G ซึ่งคาดว่าจะออกมาสู่ท้องตลาดภายในปลายเดือนต.ค.นี้จำนวน 350 ล้านเครื่อง ก็จะน่าดันมูลค่าหุ้นสูงขึ้นอีก

น่าสังเกตว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทแอ๊ปเปิ้ลบริษัทเดียว มีมูลค่ามากกว่าทุกบริษัทของตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้รวมกัน

"เก่าไปใหม่มา" General Motors ผลิตรถยนต์ 2.9 ล้านคันในปีที่ผ่านมามีมูลค่าหุ้นปัจจุบัน 37,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับ Tesla ซึ่งผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่แสดงถึงการมองอนาคตปีที่แล้วผลิตเพียงแค่ 367,500 คัน แต่ผู้ลงทุนให้มูลค่าหุ้นสูงถึง 280,000 ล้านเดอลลาร์ เพราะนักลงทุนมองรวมถึงอนาคตที่สดใสของรถปิกอัพ Cybertruck และธุรกิจยานอวกาศ SpaceX

การมองข้ามสถานการณ์จริงในปัจจุบันและลงทุนให้ความมั่นใจในอนาคตกับบริษัทฯ อาจเป็นสัญญาณเปรียบเทียบให้เห็นถึงแนวโน้มทางการเมืองและเศรษฐกิจในภาพรวมของอเมริกาและโลกด้วย ชาวอเมริกันอาจเริ่มมองข้ามความบกพร่องของการบริหารประเทศโดยรัฐบาลชุดนี้และปรับตัวยอมรับกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันอดทนเพื่อถึงโอกาสแก้ไขโดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.ที่จะมาถึงนี้

ถึงแม้ว่าผู้นำคนปัจจุบันจะพยายามเปิดประเด็นเรื่องคู่แข่งและศัตรูนอกบ้าน มีการกล่าวโทษพันธมิตรหลายประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาจตึงเครียดเพิ่มขึ้นนับใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา ตัวอย่างการสั่งปิดสถานกงสุลจีนเมือง Houston,Texas โดยอ้างสาเหตุว่าเป็นแหล่งสนับสนุนการละเมิดกฎหมายอเมริกัน โจรกรรมข้อมูลสำคัญและละเมิดสิทธิทางปัญญา จึงถูกมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจไปจากปัญหาใหญ่ที่แท้จริง

หากสหรัฐได้ประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งจะรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า คาดว่าจะมีการฟื้นฟูการลงทุนขนาดใหญ่โดยเฉพาะสาธารณูปโภค พลังงานสะอาด การแพทย์และพยาบาล การศึกษา และเทคโนโลยีระดับสูง ฯลฯ ตลาดหุ้นในอเมริกาและทั่วโลกก็คงจะพุ่งแรงขึ้นอีก ท่านที่ยังไม่พร้อมเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นในปัจจุบันก็คงต้องจับตาดูการเมืองอเมริกันในช่วงนี้โอกาสในการลงทุนกับบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและใช้ทุนกำหนดทิศทางแห่งอนาคตคงมาถึงในไม่ช้า

ส่วนความหวังในการควบคุมโรคระบาดด้วยการใช้วัคซีนนั้น ก็คงต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งการวิจัย ทดลอง การลงทุน การผลิตและขนส่งวัคซีน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากหากมีการประสานงานและบริหารที่เน้นถึงสาธารณสุขส่วนรวม ถ้าเราโชคดีก็คงมีโอกาสได้ใช้วัคซีนภายในหกเดือน และคาดว่าจะมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายในสองปี ระหว่างนี้ลงทุนเรื่องสุขภาพของท่านและสมาชิกในครอบครัวให้ดีเยี่ยมที่สุด เราไม่ประมาท เมืองไทยโชคดีที่มีสามัคคีและวินัยเป็นหลัก ส่วนผมอยู่อเมริกาต้องระมัดระวังมากเพราะยังมีบางคนดื้อดึงไม่เห็นแก่ส่วนรวมทุกคนมีวิบากกรรมต่างกัน เราผู้มีสติจะไม่ย่อท้อและไม่เว้นการแผ่เมตตาให้มนุษย์ร่วมโลกครับ