“ครึ่งปี” ที่เราจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตนักลงทุน

“ครึ่งปี” ที่เราจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตนักลงทุน

เป็นอย่างไรกันบ้างในช่วงครึ่งปี 2020 ที่ผ่านมาครับ

โดยทั่วไป เมื่อมีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิต เวลาก็จะเหมือนผ่านไปอย่างช้า ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ต่างจากช่วงเวลาแห่งความสุขที่มักผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่สำหรับนักลงทุนอย่างเรา ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับครึ่งแรกของปี 2020 นี้เนื่องจากมีทั้งเวลาแห่งความสุขและเศร้าปะปนกันอย่างรวดเร็ว

ผมจึงนำเรื่องราวครึ่งปีแห่งประวัติศาสตร์นี้ กลับมาสรุปให้ทุกคนอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงและมองให้รอบโลกการเงินไปพร้อมกัน

เริ่มด้วยเดือนมกราคมที่เปิดปีมาด้วยสภาพคล่องที่ล้นเหลือ แต่ก็จบด้วยความกังวลเรื่องไวรัสระบาดในจีน

ภาพตลาดในช่วงต้นปีแทบไม่ต่างจากปี 2019 สภาพคล่องในระบบยังสูง หนุนให้สกุลเงินคริปโต (Bloomberg Galaxy Crypto Index) ปรับตัวขึ้นถึง 30% จนกลายเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด สวนทางกับราคาน้ำมัน และทองแดงที่ปรับตัวลงหนักกว่า 10% เพราะโคโรนาไวรัสเริ่มระบาดในจีนสร้างความกังวลกับภาคการผลิตไปทั่วโลก

ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ ทางการจีนก็ประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์มณฑล จนทำให้เกิดความกังวลกับเศรษฐกิจเอเชียมากขึ้นไปอีก

เดือนนี้เป็นเดือนแรกที่ความผันผวน (ETF VXX) ปรับตัวขึ้นถึง 34% แต่ความกังวลยังกระจุกตัวอยู่ในฝั่งเอเชียและธุรกิจหรือประเทศที่เกี่ยวข้องกับจีน เห็นได้จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบต่อเนื่องอีก 10% ส่วนหุ้นไทยร่วงลงแรงถึง 12% เนื่องจากตลาดมีความเชื่อว่าเป็นเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาดของไวรัสครั้งนี้

แต่แล้ว เดือนมีนาคมก็กลายเป็นเดือนที่ต้องจดจำที่สุด เมื่อการระบาดของไวรัสกระจายไปทุกที่ทั่วโลก

โดยการระบาดเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในยุโรปและสหรัฐ ส่งผลให้ความผันผวนปรับตัวขึ้นกว่า 70% กลายเป็นไตรมาสที่หุ้นโลก (MSCI All World Index) ปรับตัวลงถึง 14% แรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2008 พร้อมกับราคาน้ำมันที่ร่วงลงถึง 37%

บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปี แตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ในวันที่ 8 มีนาคมที่ 0.31% และเฟดต้องลดดอกเบี้ยลงจาก 1.75% ลงเหลือ 0.25%

แต่ทุกอย่างก็พลิกเป็น “ฟ้าหลังฝน” อย่างรวดเร็ว เมื่อทั่วโลกใช้มาตรการล็อคดาวน์พร้อมกับนโยบายการคลัง รับมือกับไวรัสในเดือนเมษายน

แม้เดือนนี้จะมีเหตุการณ์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าราคาน้ำมันดิบ (WTI) ปรับตัวลงจน “ติดลบ” 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันที่ 20

แต่ด้วยนโยบายการคลังที่มหาศาลทั่วโลกก็สามารถกดให้ความผันผวนปรับลดลงเป็นเดือนแรก หุ้นไทยซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำและปรับตัวลงแรงในเดือนก่อน กลายเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดโดยบวก 14%

และเมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม หลายประเทศก็คลายมาตรการล็อคดาวน์ลง และวัฏจักรเศรษฐกิจทำท่าที่จะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

เห็นได้ชัดจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวกว่า 25% หุ้นญี่ปุ่นที่เป็นตัวแทนของการค้าและอุตสาหกรรมปรับตัวบวกแรง 8% ในเดือนเดียว สวนทางกับความผันผวนที่ปรับตัวลงเป็นเดือนที่สอง แม้สถานการณ์ไวรัสที่หยุดระบาดในฝั่งตะวันออก จะยังคงไม่คลี่คลายในฝั่งตะวันตก แต่นักลงทุนมีความหวัง

จนมาจบในเดือนมิถุนายน วัฏจักรเศรษฐกิจถูกเบรกด้วยปัญหาไวรัสที่ไม่หยุดระบาดในทวีปอเมริกาจนได้

แม้ตลาดการเงินส่วนใหญ่ “พร้อมที่จะไปต่อ” หุ้นจีน ทองแดง และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 7-11% จนกลายเป็นไตรมาสที่หุ้นโลกฟื้นตัว 17% แรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2009 และภาคธุรกิจที่ไม่มีท่าทีจะยอมกลับไปถูกล็อคดาวน์อีกครั้ง

แต่กลับเป็นฝั่ง Developed Markets นำโดยสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นที่พบกับแนวต้านเมื่อการระบาดของไวรัสกลับไม่ลดลงในสหรัฐ

และนั่นก็คือครึ่งปี 2020 ที่เราจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตนักลงทุน

ว่า “แม้ทุกอย่างจะน่ากลัวเพียงไหน ตลาดการเงินก็คือแหล่งรวมของนักลงทุนที่พร้อมที่จะมองไปข้างหน้า และหาโอกาสในวิกฤติอยู่เสมอ”

สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือคำถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้ากันแน่ เช่น

ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของวิกฤติผ่านพ้นไปแล้วหรือไม่ ?

เราควรมีความหวังกับวัฏจักรตลาดการเงินรอบใหม่แล้วใช่ไหม ?

หุ้นเติบโตสูง (Growth) ที่ดีกว่าหุ้นมูลค่า (Value) ทั้งก่อนและระหว่างวิกฤติโคโรนาไวรัส จะดีต่อเนื่องได้อีกนานแค่ไหน ?

ตลาดการเงินจะสามารถ “ไปต่อ” ได้นานพอที่เราจะสามารถหายาต้านไวรัสได้สำเร็จหรือไม่ ?

ในเดือนหน้า เราจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิกฤติในอดีต และครึ่งแรกของปี 2020 ไปค้นหาคำตอบร่วมกันครับ