หุ้นธนาคารพาณิชย์ถูกจริง แต่ยังต้องรอดูข้อมูลไตรมาส 2

หุ้นธนาคารพาณิชย์ถูกจริง แต่ยังต้องรอดูข้อมูลไตรมาส 2

มาตรการจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ประเด็นร้อนแรงสำหรับตลาดทุนไทยในช่วงเดือน มิ.ย.2563 คงหนีไม่พ้นประเด็นเรื่อง มาตรการจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาทิ การออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ (ลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้, เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล, และมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เป็นต้น) แต่ที่สำคัญต่อตลาดทุนคือการระงับการจ่ายปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นและระงับการซื้อคืนหุ้น หรือ Stock Repurchase เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนเอาไว้ในภาวะที่เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ประเด็นเรื่องการระงับการจ่ายปันผลระหว่างกาลและการซื้อคืนหุ้นนั้น ผมประเมินว่าสิ่งสำคัญที่กระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนนั้นไม่ใช่การที่จะไม่ได้รับปันผลระหว่างกาล ซึ่งเป็นเพียงกระแสเงินสดที่ขาดช่วงไประยะสั้นเท่านั้น แต่หากปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังแข็งแกร่งอยู่ ประเด็นนี้ก็จะไม่ได้กระทบต่อมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญมากนัก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและเป็นปัจจัยที่นักลงทุนในตลาดทุนอาจเริ่มเกิดความกังวลต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็คือ การระงับการจ่ายปันผลระหว่างกาลและการซื้อหุ้นคืนนั้น อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าทาง ธปท. เริ่มเล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินของไทยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ว่าผลกระทบของวิกฤตครั้งนี้อาจกระทบต่อ 'เงินกองทุน' ของธนาคารพาณิชย์ จึงจำเป็นต้องระงับการจ่ายปันผลระหว่างกาลและการซื้อหุ้นคืน เพื่อรอดูผลการทำ Stress Test หรือ การทดสอบความสามารถรับวิกฤติ (คาดว่าจะได้ข้อมูลการทำ Stress Test ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงปลายเดือน ก.ค.2563) ขณะที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ล่าสุดได้มีการสั่งห้ามธนาคารสหรัฐฯทำการซื้อหุ้นคืนและห้ามเพิ่มเงินปันผลจากระดับที่จ่ายใน 2Q63 เนื่องจากผลการทำ Stress Test ของธนาคารสหรัฐฯนั้น แม้จะไม่มีธนาคารพาณิชย์ที่สอบตก แต่มีบางธนาคารในสหรัฐฯที่เงินกองทุนเริ่ม 'ปริ่มน้ำ' ดังนั้นการออกประกาศของ ธปท.นั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าและแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่อนุรักษ์นิยม (Conservative)

ดังนั้นสำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย แม้ว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังการปรับลงแรงจากการออกประกาศของทาง ธปท. แต่ผมประเมินว่าทิศทางราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังจากนี้จะ Sideway เพื่อรอผลการทำ Stress Test และรวมถึงผลการดำเนินงานและงบดุลของ 2Q63 ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลทั้ง 2 ประเด็นภายในเดือน ก.ค.2563 นี้

กลับมาที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินดัชนี SET index อาจมีความผันผวนในช่วงการรายงานผลประกอบการ 2Q63 ของบริษัทจดทะเบียน (ช่วง ก.ค. - ส.ค.) เนื่องจากจะเริ่มเห็นผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 เต็มไตรมาส และหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนความคาดหวังการฟื้นตัวมากพอควรแล้ว แต่ด้วยผลของการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน โดยเฉพาะผลของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่ต่ำ จะเป็นตัวค้ำยัน PE ratio ของดัชนี SET index ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ (เป็น New normal ของ PE ซึ่งผมได้เขียนการวิเคราะห์ไว้ในบทความฉบับก่อนหน้านี้แล้ว) และรวมทั้งการคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวแบบ V-shape ทั้งตัวเลข GDP (ฝ่ายวิจัยฯ คาดปีนี้ -8.4% ปีหน้าฟื้น +6.8%) และ EPS ของ SET index (ฝ่ายวิจัยฯ คาดปีนี้ 66.6 บาท/หุ้น ปีหน้าฟื้นเป็น 85.1 บาท/หุ้น) ดังนั้นการพักฐานของดัชนี SET index ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค.นี้จะเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นอีกครั้ง Capital Adequacy Ratio: CAR ของธนาคารพาณิชย์ไทย