บทสะท้อนของสังคมที่สิ้นคิด !!

บทสะท้อนของสังคมที่สิ้นคิด !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาของชีวิตที่กําลังเผชิญกับวิกฤติการณ์ ของโลกในภัยทั้ง 3

3 ได้แก่ ทุพภิกขภัย โรคันตภัย อมนุสสภัย สิ่งสําคัญที่คนเราต้องมีเพื่อการดําเนินชีวิตให้ ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคด้านต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกทุกสมัย ก็คือ สติปัญญา

พระพุทธองค์ได้ทรงสรุปธรรมปฏิบัติ อันเป็นไปเพื่อล่วงความโศกเศร้าปริเวทนาการ เพื่อการดับ ความทุกข์โทมนัสได้ ก็ด้วยการเจริญสติ เพื่อการกําหนดรู้ลงไปในสิ่งนั้นๆ ที่ปรากฏเกิดขึ้นในชีวิต ในขณะจิตนั้นๆ ของเรา เพื่อจะได้รู้เท่าทันในสิ่งนั้นๆ พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งนั้นๆ ว่า มีความ เป็นธรรมดาเป็นอย่างไร

การเจริญสติ อย่างมีแบบแผนตามหลัก สติปัฏฐาน 4 จึงนําไปสู่การเข้าถึง, เข้าใจในสิ่งนั้น ๆ เพื่อนําความรู้นั้นมาพัฒนาชีวิต หรือดําเนินชีวิตไปอย่างมีองค์ความรู้ที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

การรู้เห็นตามความเป็นจริง จึงเป็นเรื่องที่สําคัญยิ่งในการพัฒนาชีวิต เพื่อก้าวไปให้ถึงความสงบ สุขทั้งในทางโลกและทางธรรม ที่มนุษยชาติหรือสัตว์โลกทั้งหลายปรารถนา ด้วยการรู้เห็นตามความเป็น จริงที่ภาษาพระเรียกว่า ยถาภูตญาณ เพื่อการเกิด ปัญญาชอบ หรือสัมมัปปัญญา อันเป็นเรื่องสําคัญที่สุด แห่งการพัฒนาชีวิต เพื่อการบรรลุถึงเป้าหมายคือความสงบสุขในชีวิตปัจจุบันนั้นๆ การรู้ถึงความเป็น จริงด้วยการก้าวข้ามความเชื่อไปได้ จึงเป็นภารกิจที่สําคัญของการเจริญสติ เพื่อพัฒนาชีวิตบนวิถีธรรม

เรื่องความเชื่อจึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง ด้วยเป็นดาบสองคม หากว่าความเชื่อกับความ จริงอยู่ตรงข้ามกัน จนก่อเกิดทิฏฐิหรือความเห็นที่แตกต่างกัน

โลกนี้ จึงวุ่นวาย ไร้ความสงบ เพราะเรื่องความเห็นที่ไม่เหมือนกัน และที่สุด นําไปสู่ข้อปฏิบัติที่ ต่างกันไปตามความเห็นนั้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเห็นและข้อปฏิบัติอยู่ภายใต้อํานาจของกิเลส ที่เรียกว่า ตัณหา เมื่อนั้นเราจะ เห็นความเป็น มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาปฏิบัติ เกิดขึ้นในชีวิตของเรา

แต่เมื่อไหร่การคิดเห็นและการปฏิบัติเป็นไปตามอํานาจของสติปัญญา เมื่อนั้นความเห็นก็จะ กลับคืนมาสู่สัมมาทิฏฐิ เพื่อนําไปสู่สัมมาปฏิบัติ อันให้คุณประโยชน์อย่างยิ่ง

พระพุทธศาสนาจึงมีหลักคําสอนข้อเดียวที่สําคัญยิ่ง คือ การรู้จักพิจารณาโดยแยบคาย ที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ อันเป็น วิธีการแห่งปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติอยู่ข้อเดียวเช่นกัน คือ การเจริญสติปัฏ ฐาน

การเจริญสติ ที่เรียกเต็มยศว่า สติปัฏฐาน แท้จริง ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนจนยากที่จะปฏิบัติ ด้วยเป็นเรื่องปกติวิสัยของมนุษยชาติที่สามารถประพฤติปฏิบัติได้จริงๆ ด้วยความพร้อมที่มีอยู่แล้วของ ความเป็นสัตว์ที่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความประเสริฐได้จริง

เพียงแต่ควรรู้จักกําหนดจุดมุ่งหมายของชีวิตให้ชัดเจน ซึ่งทั้งนี้ จะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจเรื่องของชีวิต ว่า ชีวิตคืออะไร มีความสําคัญอย่างไร และอะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิตที่เกิดมา

การเข้าใจเรื่องของชีวิต จริงๆ แล้ว มิได้เป็นเรื่องยุ่งยากสลับซับซ้อนอะไรเลย หากรู้จักการเจริญ สติลงไปในชีวิต ที่แยกออกเป็นวัตถุ 4 คือ กาย เวทนา จิต ธรรม เพื่อความรู้เห็นตามความเป็นจริงอย่าง เป็นธรรมดาของชีวิต ที่สะท้อนผ่านการรู้แจ้งในความเป็นปกติของวัตถุ 4 ดังกล่าว

แต่ปัญหาใหญ่ที่ยกตัวกลายเป็นอุปสรรคต่อการเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิต ก็คือ ความเชื่อหรือ ความเห็นที่เกิดขึ้นจากการคิดนึกอย่างขาดการพิจารณาโดยแยบคาย จึงเห็นการสร้างความเชื่อขึ้นมา ปิดบังความจริงในแต่ละชีวิต ส่งผลให้เกิดการเพิ่มพูนของกิเลส ที่มีสภาวธรรม เร่าร้อน เศร้าหมอง มืดมน ยากแท้ที่จะพัฒนาจิตให้รู้เข้าใจในความจริงได้ จึงทําให้ชีวิตติดอยู่ในกรอบของความเชื่อ จนสูญเสีย คุณภาพจิตที่ควรจะคิดเป็น อันเป็นไปตามกระบวนการคิดที่กํากับด้วยสติปัญญา เพื่อการคิดที่ถูกวิธี คิด เป็นแบบแผน คิดเป็นเหตุเป็นผล และคิดเร้ากุศล

คนคิดเป็น กับ คนคิดไม่เป็น จึงให้คุณค่าชีวิตที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยคนที่คิดเป็น รู้จัก กระบวนการคิดพิจารณา ย่อมก่อเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อออกมาจากปัญหาเรื่องราวนั้นๆ เมื่อรู้ถึงเหตุปัจจัยอันเป็นรากเหง้าของปัญหาเรื่องราวนั้นๆ ที่ชีวิตกําลังเผชิญด้วยการคิดหรือพิจารณา อย่างถูกวิธี จนรู้เข้าใจในความจริง จะไม่ติดกับดักความเชื่ออย่างคนที่คิดไม่เป็น

ดังที่สังคมประเทศชาติ กําลังเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนที่คิดไม่เป็นระบบแบบแผน ไร้ความ เป็นกุศล จึงกลายเป็นการสร้างปัญหาแม้คิดแก้ไขปัญหา ความวุ่นวาย เรื่องราวไร้สาระ จึงผุดปรากฏไม่ เว้นแต่ละวัน ให้รกรุงรังเกลื่อนกลาดในสังคมที่ออกอาการสิ้นคิด คิดไม่เป็นของคนในสังคม ยิ่งใกล้วาระ การโยกย้าย การแต่งตั้งในวงราชการ กระแสการคิดไม่เป็น ยิ่งสําแดงให้เห็นประจักษ์ ว่า มันคิดได้ กันเพียงแค่นี้หรือ จึงได้เห็นโผแต่งตั้งที่ไร้คุณธรรม ไร้ความเหมาะสมในการจัดวางกําลังคน เพื่อการ ทํางานพัฒนาบ้านเมือง ประเทศชาติ

เจริญพร