ปลดล็อกคลายกังวล ตลาดหุ้นจะพุ่งถึงไหน??

ปลดล็อกคลายกังวล ตลาดหุ้นจะพุ่งถึงไหน??

ราได้เห็นสถานการณ์ของทางเศรษฐกิจมีการคลายล็อกในการห้ามประกอบธุรกิจต่างๆ ให้กลับมาดำเนินได้มากขึ้นทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ

บวกกับแรงหนุนของมาตรการต่างๆ ของภาครัฐและธนาคารกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจและให้การช่วยเหลือภาคธุรกิจต่างๆ แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆจะค่อนข้างออกเป็นลบผลจากผลกระทบของ COVID-19 แต่ก็ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจในกลุ่มที่ไม่ได้แย่อย่างที่คาดคิดไว้ เช่น จีดีพี ไตรมาส 1 ของญี่ปุ่นออกมาอยู่ที่ -0.9% QoQ จากที่ตลาดคาดไว้ -1.2%% QoQ รวมถึง จีดีพี ไตรมาส 1 ของเกาหลีใต้ออกมาอยู่ที่ 1.3% QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ที่ 0.6%% QoQ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและทำให้ตลาดทั่วโลกปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเดือน มิ.ย. นี้ เห็นได้จากดัชนีหุ้นไทยที่ขึ้นมาแตะระดับ 1,400 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

แต่มีประเด็นที่ผมอยากตั้งคำถามและให้นักลงทุนได้ติดตามก็คือ สถานการณ์ปัจจุบันที่เริ่มดูดีขึ้นนี้ ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเกินไปหรือไม่ ..?? ตลาดหุ้นจะขึ้นไปได้ต่อไหม ..?? และมีปัจจัยสำคัญอะไร ?? ที่เรายังต้องติดตามและมองข้ามไม่ได้

ผมขอให้มุมมองดังนี้ครับ ประเด็นแรก 1.ตัวเลขผู้ติดเชื้อรอบที่ 2 จะกลับมาไหมหลังคลายล็อก เพราะจะมีผลต่อความเชื่อมั่นและการดำเนินธุรกิจต่างๆ อีกครั้ง 2.การพัฒนาวัคซีนรักษาโรค เป็นตัวแปรสำคัญที่จะบ่งบอกว่าการระบาดของ COVID-19 จะหยุดลงได้เมื่อไรและจะทำให้ความมั่นใจต่อเศรษฐกิจและการลงทุนกลับมา และ ประเด็นที่ 3.ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะออกมาแย่อย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงมองข้ามไปถึงไตรมาส 2 ว่าสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งการบริโภค การจ้างงาน และการผลิต จะกลับมาหรือไม่ ..??

ดังนั้นด้วยประเด็นดังกล่าวข้างต้นนี้ ผมจึงมองว่ามีแนวโน้มอาจจะเกิดขึ้นใน 3 กรณีดังนี้ครับ กรณีที่ 1.หากสถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลาดจะเดินหน้าไปได้ต่อเพราะปัจจุบันสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่มากจะเป็นตัวหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น

กรณีที่ 2.ถ้าเริ่มมีสัญญาณว่าจะสถานการณ์อาจไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดว่า ตลาดจะเริ่มชะลอตัวและการลงทุนต่างๆ จะเริ่มหยุดลงเพื่อรอดูสถานการณ์ และ กรณีที่ 3.หากเกิดการระบาดรอบที่ 2 ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆมีแนวโน้มจะไม่ฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 จะทำให้ตลาดเกิดความกังวลและเกิดแรงเทขายตามมาได้

โดยภาพรวมก็ต้องบอกว่า สถานการณ์ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าดีขึ้นค่อนข้างแน่นอน เศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจต่างๆ ยังต้องจับตามองปัจจัยที่ผมได้บอกไปอยู่ รวมทั้งการลงทุนในช่วงไตรมาส 3 นี้การจัดสินทรัพย์ลงทุนคงต้องปรับพอร์ตและเลือกสินทรัพย์ลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ

อย่างไรก็ตามโอกาสของการลงทุนค่อนข้างเริ่มกลับมาบ้าง หุ้นกลุ่มไหนจะกลับมาฟื้นตัว สินทรัพย์ใดบ้างที่ยังต้องเน้นเพื่อความปลอดภัย และกลยุทธ์ใดที่เราต้องใช้ในช่วงระยะจากนี้ ผมขอแนะนำดังนี้

ปัจจุบันบริการที่ปรึกษาและวางแผนการเงินของ KTBST SEC ได้ให้คำแนะนำการจัดสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมด้วยข้อมูลการลงทุนในเชิงลึกที่เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งช่วยผู้ลงทุนได้บริหารพอร์ตการลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว