อังกฤษ กับ 'Sex ban' ในช่วงโควิด-19

อังกฤษ กับ 'Sex ban' ในช่วงโควิด-19

โรคโควิด-19 แพร่กระจายสู่ผู้รับเชื้อกว่า 6.5 ล้านคน และมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 387,960 ล้านรายทั่วโลก ทั้งยังส่งผลกระทบเศรษฐกิจ และคนทั่วโลก

โควิด-19 ทำให้เกิดชีวิตวิถีใหม่หรือ New normal และกฏเกณฑ์ต่างๆ มากมายที่รัฐและภาคประชาสังคมพยายามรณรงค์ ด้วยความหวังที่จะหยุดการแพร่กระจายเชื้อ

กฎเกณฑ์ต่างๆที่ทยอยออกมาใหม่นั้น ย่อมส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน และก็หนีไม่พ้นที่จะรุกล้ำสิทธิเสรีภาพบางประการของเรา วันนี้ผมจึงอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงกฎเกณฑ์ต่างๆที่ออกมาใหม่ในต่างประเทศ เพื่อเป็นกระจกสะท้อนให้กับบ้านเรากันครับ

สหราชอาณาจักรถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในปัจจุบันมีคนติดเชื้อแล้วกว่า 281,000 ราย โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 39,000 ราย ซึ่งถือเป็นอันดับ 5 ในจำนวนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลก

รัฐบาลของสหราชอาณาจักรที่เพิ่งกลับเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นานหลังการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยหวังเข้ามาจัดการเรื่องปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติ Brexit แต่กลับต้องเผชิญกับภัยโรคระบาดซึ่งบริหารและจัดการได้ยาก เช่นเดียวกับที่รัฐบาลในประเทศอื่นๆเผชิญหน้าอยู่

ความพยายามในการปรับสมดุลใหม่ระหว่างการป้องกันการแพร่เชื้อโรคด้วยนโยบาย Social distancing กับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในประเทศแม่แบบประชาธิปไตย โดยมีรัฐสภาและพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น เป็นที่วิจารณ์กันมากขึ้น เมื่อข้อปฏิบัติใหม่เกี่ยวกับการชุมนุมและพบปะกันของประชาชนในเคหะสถาน (บ้าน) จำนวน 2 คนหรือมากกว่าถูกนำเสนอต่อสภาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

159135809621

ข้อบังคับใหม่ที่ว่านี้ ได้รับการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เลยเถิดไปจนถึงการตั้งชื่อเล่นให้ว่าเป็น “Sex ban” กันเลยทีเดียว เพราะบ่งบอกความผิดอย่างชัดเจน ถึงผู้ที่เป็นแขกไปบ้านผู้อื่นไปกระทำการใดๆ อันนอกเหนือจากการอนุโลม เช่น การดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรืองานจำเป็นอย่างอื่น อาทิ งานศพ หากไม่เข้าข่ายการยกเว้นเหล่านี้แล้ว การเยี่ยมเยือนตามบ้าน ไม่ว่าจะไปทำกิจกรรมใดๆ ถือว่าเข้าข่ายความผิดจากกฎใหม่นี้

ในส่วนของภาคพื้นยุโรป นโยบาย Social distancing ที่ก้าวล่วงเข้ามาถึงสิทธิส่วนบุคคลเหล่านี้ออกมาในรูปแบบของข้อแนะนำ อาทิ ในกรณีของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเสรีภาพอยู่ในระดับต้นของโลก ได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับการมีเซ็กซ์ในช่วงโรคระบาด เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือ การหาคู่ขาประจำ และเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนคู่ขามีมากกว่าหนึ่งคน เป็นต้น

เช่นเดียวกับรัฐบาล ไอร์แลนด์ ที่ประกาศแนะนำให้ประชาชนมีความใกล้ชิด หรือมีเซ็กซ์กับผู้ที่ไม่มีอาการของโรค หรือมีเซ็กซ์เฉพาะกับผู้ที่อยู่บ้านเดียวกันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นโยบาย Social distancing ที่ดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นนั้นก็เป็นเฉพาะในส่วนของพื้นที่ปิด เช่น ในบ้าน หรืออาคารเพราะมีความเชื่อว่า เชื้อนั้นจะแพร่กระจายได้ง่ายกว่าพื้นที่เปิด เช่น สวนสาธารณะ และนี่คือเหตุผลว่า รัฐบาลอังกฤษจึงได้ มีมาตรการผ่อนคลายการพบปะกันในที่สถานที่สาธารณะ จำกัดจำนวนคนในแต่ละกลุ่มว่าไม่ควรเกิน 6 คน โดยรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลที่ 2 เมตร และไม่ควรเดินทางไปไหนไกลจากบ้านมากๆ

ความพยายามที่จะจัดการและหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรค อันนำมาซึ่งการก้าวล่วงในสิทธิเสรีภาพของประชาชนกำลังเป็นที่ถกเถียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในต่างประเทศและในไทย ประชาชนควรทำความเข้าใจและคิดถึงส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ขณะที่รัฐก็ควรคิดถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการบริหารจัดการบ้านเมืองภายใต้วิกฤติโดยที่ไม่รุกล้ำสิทธิเสรีภาพของประชาชนจนมากเกินไป