ลูกผีลูกคน ?

ลูกผีลูกคน ?

ตลาดที่ขึ้นเอาๆ เพราะได้น้ำทิพย์ชโลมใจจากธนาคารกลาง !

วันก่อนผมนัดพบ 'นิ้วโป้ง-อธิป กีรติพิชญ์' สหายนักลงทุนที่รู้จักชอบพอกันมาสิบกว่าปี เพื่ออัพเดตมุมมองและความรู้ด้านการลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยได้ถกกันถึงสภาวะตลาดหุ้นเวลานี้ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ

ประเด็นหนึ่งที่ผมกับนิ้วโป้งต่างเห็นตรงกันว่าน่าจับตามองมากๆ คือการที่หุ้นสหรัฐฯ รวมทั้งหุ้นไทย 'ขึ้น สวนทางเศรษฐกิจ' หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้ามา 'อุ้ม' สถาบันการเงินทั้งหลาย รวมทั้งแพ็คเกจเยียวยามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

นี่คือ 'จุดทดสอบใหม่' ของตลาดหลักทรัพย์ ที่เรียกได้ว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กับการที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงขนาดนี้ ผู้คนล้มตายเป็นเบือจากโรคระบาด อัตราการว่างงานสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ดัชนีตลาดสหรัฐฯ กลับพุ่งขึ้นแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว

ยังไม่นับการประท้วงที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ หลังจาก จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำถูกตำรวจผิวขาวใช้ความรุนแรงขณะเข้าจับกุมจนเสียชีวิต ซึ่งไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร

จุดที่ควรเขียนเป็นเครื่องหมายคำถามไว้ตัวโตๆ เวลานี้ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งเฟด 'กระสุนหมด' คือซื้อจนไม่สามารถซื้อต่อไปได้อีกแล้ว แต่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นคืนกลับมา ขณะที่ดอกเบี้ยก็ลดต่ำลงจนเหลือศูนย์ และไม่เหลือเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ให้หยิบใช้

พูดอีกอย่างก็คือ ความช่วยเหลือ 'ไล่ไม่ทัน' กับความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดขึ้น

ฉากทัศน์แรกซึ่งน่าจะเป็นไปได้ คงเป็นเช่นเดียวกับที่กูรูระดับโลกหลายคนออกมาเตือนไว้ก่อนหน้านี้ คือการสรุปจบแบบ 'ศพไม่สวย' โดยตลาดที่ขึ้นเอาๆ เพราะได้น้ำทิพย์ชโลมใจจากธนาคารกลาง ถึงคราวต้องยอมรับความเป็นจริงอันโหดร้าย และพังครืนลงมาอีกครั้ง

ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจะกลายเป็น 'ตลาดหมี' ซ้ำสอง เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นไทยที่อาจถูกลากตามลงไปจนเหลือแค่เลขสามหลัก

ฉากทัศน์ที่สองซึ่งผมมองว่าเป็นไปได้ คือการที่ตลาดเข้าสู่ภาวะ 'ตกท้องช้าง' กล่าวคือ หุ้นที่เคยวิ่งเอาๆ อาจ 'หยุดวิ่ง' และเข้าสู่ภาวะซึมๆ หรือ 'ออกข้าง' ดังที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า sideways

โดยหากเป็นเช่นสองฉากทัศน์แรก ก็จะเป็นอีกครั้งที่คนทั่วโลกพูดตรงกันว่า 'วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถูกเสมอ'

ทว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้น คือการที่เฟดทยอยซื้อต่อไปได้เรื่อยๆ และสร้างความเชื่อมั่นถึงระดับที่ตลาดเข้ามา 'รับไม้ต่อ' แบบเต็มตัว ซึ่งจะทำให้ตลาดที่พุ่งขึ้นเวลานี้ ลอยละลิ่วติดลมบนโดยไม่ร่วงหล่นลงมา และนั่นจะเป็นการพิสูจน์ว่าบรรดานักลงทุนชั้นเซียนทั้งหลาย 'คิดผิด' เหมือนๆ กัน

แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ในภาวะ 'ลูกผีลูกคน' เช่นทุกวันนี้