เปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยว

เปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยว

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของพื้นที่เป้าหมายสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวว่าไม่ใช่เป็นการพัฒนาเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวใด

แหล่งท่องเที่ยวหนึ่งเหมือนอย่างที่เคยทำมา แต่ต้องเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับชุมชน เมืองและระดับจังหวัดเพราะแหล่งท่องเที่ยวไม่มีความสามารถในการโอบอุ้มนักท่องเที่ยวเมื่อมีปัญหาความปลอดภัยและปัญหาด้านสุขภาพที่ดีพอ ซึ่งในอนาคตการจัดการการท่องเที่ยวจะต้องมีการจัดการตัวชี้วัดในระดับชุมชน เมืองและระดับจังหวัดให้ดีขึ้นเพราะจะเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อการตัดสินใจในการขับเคลื่อนและฟื้นฟูการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่และการพัฒนา “ฮับ (Hub) ท่องเที่ยว ซึ่งมีแกนนำในการบริหารคือ มีผู้บริหารชุมชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มประชาสังคม” 

ขั้นตอนในการเปิดเมืองท่องเที่ยวนั้น จะต้องพิจารณาหรือคาดการณ์ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นอย่างไร ซึ่งจากงานของมหาวิทยาลัย Minnesota เสนอว่ามี 3 ฉากทัศน์หรือซีนาริโอ (Scenarios) ด้วยกันสำหรับสหรัฐอเมริกาคือ ฉากทัศน์แรกเป็นคลื่นที่จะแต่ละระลอก จะมีขนาดความสูงใกล้เคียงกันเรียกกัน ฉากทัศน์คลื่นเทียมกันจนสิ้นปี 2564 ฉากทัศน์ที่ 2 เป็นฉากทัศน์ของไข้หวัดสเปนที่ระลอกที่หนึ่งเล็ก แต่คลื่นลูกที่สองจะพุ่งโด่ง ซึ่งในประเทศไทยเราอาจจะเรียกฉากทัศน์การ์ดตก และฉากทัศน์ที่ 3 คือ คลื่นลูกที่สองและสามเล็กลงลดหลั่นลงไปเรื่อยๆ เราทุกคนก็หวังว่า ถ้าจะมีคลื่นลูกที่สองในไทยก็ขอให้เป็นฉากทัศน์ที่ 3 ที่อาจเรียกว่า ฉากทัศน์สาละวันเตี้ยลง ในฉากทัศน์ที่ 1 และ 2 นั้น การท่องเที่ยวพลิกฟื้นได้ยาก เพราะต้องพะวงกับการเปิดๆ ปิดๆ ต้นทุนจะสูงมากสำหรับกิจการใหญ่อาจต้องปิดกิจการ 2 เดือนเปิดดำเนินการ 4 เดือนสลับกันไป สามารถทำได้แค่การท่องเที่ยวท้องถิ่นเช่น เปิดชายหาด สวนสาธารณะ ฉากทัศน์ที่ 3 จะเป็นฉากทัศน์ที่พอจะเริ่มเปิดการท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น ค่อยๆ ขยายเป็นระดับชาติ และระดับนานาชาติได้ ซึ่งฉากทัศน์เหล่านี้รัฐบาลจะต้องใช้นักระบาดวิทยาทำการคาดการณ์เพื่อมาใช้ประกอบการตัดสินใจ สำหรับประเทศไทยรัฐบาลจะใช้ฉากทัศน์ที่ 3 ที่กดคลื่นลูกที่ 2 และ 3 (ถ้ามี) ให้อยู่ในระดับควบคุมได้ คือมีผู้ติดเชื้อรายวันไม่เกิน 24 ราย/วัน และความชุกของผู้ป่วยวิกฤตที่ 115 ราย ซึ่งตามฉากทัศน์นี้ เดือนกันยายนกราฟจะเริ่มเผยอขึ้น ซึ่งถ้าเราต้องเปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน (เริ่มเดือนตุลาคม) เราจะต้องกดให้อัตราผู้ติดเชื้อยังคงต่ำอยู่ 

อีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในการเปิดเมืองก็คือการมีส่วนร่วมของชุมชนในการออกความเห็นเรื่องเปิดการท่องเที่ยวในเมืองเพราะโควิด-19 ทำให้เห็นว่าการท่องเที่ยวได้นำเอาความเสี่ยงมายังประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้น ซึ่งมีทั้งประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์และไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เกิดจากการท่องเที่ยว ดังนั้นแม้จะมีการเปิดจังหวัดเพื่อการท่องเที่ยวแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเมืองในจังหวัดนั้นจะพร้อมเปิดเพื่อการท่องเที่ยวหากประชาชนในท้องถิ่นไม่ยินยอม

ก่อนจะเปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยว อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดกิจกรรมอื่นเพื่อเป็นการนำร่องไปก่อนยกตัวอย่างเช่นแม้ว่าโรงแรมต้องการจะรับลูกค้ามากเท่าใดก็ตามแต่ในขณะนี้โรงแรมจำนวนมากก็ยังไม่กล้าเปิดเพราะเกรงว่าต้นทุนของการเปิดดำเนินการเมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้าแล้วจะไม่คุ้มทุนจึงต้องรอไปก่อนดังนั้นก่อนที่จะเปิดเมืองท่องเที่ยวกิจกรรมที่รัฐบาลจะต้องทำก่อนนอกจากเพิ่มการจัดประชุมโครงการที่ใช้งบประมาณของรัฐก็คือเปิดให้การเดินทางธุรกิจทางอากาศทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนักธุรกิจเดินทางเข้าออกจากกรุงเทพฯ ไม่ต้องถูกกักตัว 14 วันเช่นในปัจจุบัน(ผู้ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ที่ถือว่าเป็นเขตโรคติดต่อ เมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้วต้องกักตัวเอง 14 วัน) ซึ่งจำเป็นต้องผ่อนปรนเงื่อนไขนี้เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้

ขั้นตอนต่อไปก็คือททท. ควรโปรโมทการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยในระดับจังหวัดโดย หนึ่ง จับคู่จังหวัดที่ปลอดเชื้อหรือเป็นจังหวัดที่มีอัตราติดเชื้อต่ำกว่า 10 คนต่อวัน สามารถเดินทางข้ามภาคไปท่องเที่ยวซึ่งกันและกันได้ก่อนเช่น เชียงใหม่กับสตูล สอง เลือกจังหวัดซึ่งจะสามารถเป็นฮับของการท่องเที่ยวสำหรับจังหวัดโดยรอบคือเป็นคลัสเตอร์ของจังหวัดที่ไม่มีการติดเชื้อใน 28 วันที่ผ่านมาสามารถไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว เช่น จังหวัดในภาคเหนือตอนบนทั้งหมดซึ่งน่าจะเปิดได้ในเดือนมิถุนายนนี้ก่อนโรงเรียนเปิด ส่วนนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ก็ควรผ่อนปรนให้เดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งถ้าไม่ผ่อนปรนการท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นตัวยาก เพราะกำลังซื้ออยู่ที่ กทม. ในเฟสนี้อาจจะมีการเปิดให้กลุ่มต่างประเทศที่เป็น Long Stay ใน Asia เข้ามาได้ก่อน แต่ต้องยอมกักกันตัว 14 วัน ใน Alternative state quarantine และเฉพาะผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช่เขตติดต่ออันตราย แต่ต้องมีการขอ VISA มีใบรับรองประกันสุขภาพครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล 2 ล้านบาท และมีแอปพลิเคชันติดตามตัวตลอดเวลาเพราะนี่อาจเป็นโอกาสของการรับลูกค้าที่ต้องการหนีโควิด-19 ที่ประเทศของตนเอง

สำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศประเภทอื่นๆ นั้นจะต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรอให้สายการบินเปิดดำเนินการต้องคัดสรรประเทศที่มีประวัติและแนวโน้มการติดเชื้อที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีอัตราติดเชื้อต่ำกว่า 10 คนต่อวัน แต่ควรเริ่มปล่อยให้มีการเดินทางระหว่างประเทศทางธุรกิจ (Business Travel) ได้ก่อน และเมื่อเปิดการท่องเที่ยวนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นประเทศต่อประเทศ แต่เป็นระหว่างประชาชนจากมณฑลกับจังหวัดหรือเมืองกับเมืองเช่นกรณีประเทศจีน มี 23 มณฑล 5 เขตการปกครองและ 4 มหานคร ซึ่งเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลมากซึ่งแต่ละมณฑลก็มีการแพร่ระบาดต่างกัน ดังนั้นเราอาจจะสามารถเปิดระหว่างเมืองกับมณฑลได้แทนที่จะพยายามเปิดทั้งประเทศซึ่งก็หวังว่าน่าจะเปิดการท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในเดือนตุลาคม ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะไม่มากเหมือนเดิมก็น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้มีรายได้สูง

ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยวแล้วก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนจะสามารถมาเที่ยวได้ จะต้องมีการคัดกรองแล้วจึงจะสามารถมาท่องเที่ยวได้ เช่น นักท่องเที่ยวจะต้องมีผลตรวจสุขภาพและมีประกันสุขภาพต้องมีซิมมีแอพติดตามตัว (Tracking) เช่น เชื่อมกับแอปพลิเคชันไทยชนะ ทั้งนี้เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วต้องไม่เป็นภาระให้กับประเทศไทย และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 หากเดินทางมาเป็นกลุ่มก็น่าจะมีการจัดการแยกเป็นกลุ่มย่อยและมีการรักษาระยะห่างแน่นอนในระยะแรกของการท่องเที่ยวนี้ต้นทุนการท่องเที่ยวก็ย่อมจะสูงกว่าแต่ก่อนที่สำคัญคือในปีนี้ยังไม่ควรให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะอาจนำพาโรคโควิด-19 เข้ามาใหม่ขอให้ใช้แรงงานต่างด้าวที่คงค้างอยู่ในประเทศ

ไหนๆ ก็จะเปิดเมืองแล้ว โฆษณาไปเลยว่า Amazing Thailand: Hi Trip, Hi Trust.