อย่าโปรแกรมตนเองให้จำนนก่อนพยายาม

อย่าโปรแกรมตนเองให้จำนนก่อนพยายาม

ความเหน็ดเหนื่อยกับอนุกรมของวิกฤติที่รุนแรงมาต่อเนื่องยาวนาน เริ่มตั้งแต่มีอะไรต่ออะไรมาทำให้ทำมาหากินไม่คล่องนำหน้ามานานเกือบทศวรรษ

ซ้ำเติมมาด้วยโรคระบาดอย่างที่แทบไม่เคยเจอะเจอมาก่อน โรคเริ่มทุเลาก็เจอสารพัดข้อจำกัดในการทำมาหากินที่ค้างคามาจากการป้องกันโรคระบาด แม้ว่าหลายคนจะพยายามที่จะเอาชนะฝ่าฟันวิกฤติไปให้ได้ แต่ทำอย่างไรก็ถูกทำให้แพ้ทุกที แพ้บ่อยจนกระทั่งเริ่มบอกตนเองว่า เราหมดปัญญาที่จะพาตัวเองผ่านพ้นวิกฤติไปแล้วความพยายามในการต่อสู้วิกฤติครั้งใหม่จึงหมดไป ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของตน โปรแกรมตนเองให้จำนนก่อนที่จะพยายามจะสู้กับวิกฤตินั้น

นักวิจัยเรียกอาการนี้ว่า Learned Helplessness ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่าหากคนเราถูกคุกคามจากภัยหรือวิกฤติใดอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แล้วถูกทำให้เกิดความเชื่อไปเองว่าไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ดูเหมือนจะหลุดพ้นจากภัยจากวิกฤตินั้นไปไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นเพียงความรู้สึกไม่ใช่ความจริงคิดซ้ำ บอกตนเองซ้ำ จนกลายเป็นเหมือนการโปรแกรมตนเองว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพยายามสู้กับการภัยหรือวิกฤติใดๆ อีกต่อไปแล้ว คนเหล่านั้นก็จะยอมจำนน โดยปราศจากความพยายามใดๆ ที่จะเอาชนะภัยเอาชนะวิกฤติที่เจอะเจอ

อาการ Learned Helplessness มีการนำมาใช้ในหลายเรื่อง ทั้งในทางบวกและทางลบ คอลล์เซนเตอร์แย่ๆ บางแห่ง ใช้ไอทีสร้างอาการนี้ให้เกิดขึ้นกับลูกค้า เริ่มจากโทรไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ได้แต่คุยกับคอมพิวเตอร์ ที่บอกให้กดปุ่มนั้น ปุ่มนี้ กดเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ กว่าจะได้พูดคุยปัญหากับพนักงานที่เป็นคนคุยกันรู้เรื่อง ก็รอนานแสนนาน เจอแบบนี้เป็นประจำ เราก็จำนนต่อปัญหาที่เจอจากการใช้บริการนั้น เราบอกตัวเองว่าเราใช้ไม่เป็น ถ้าไม่หนักหนาสุดๆ ก็จำนนไม่พยายามติดต่อกับคอลล์เซนเตอร์ ทำให้ภาระของเขาลดน้อยลงไปในการให้บริการกับลูกค้า

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เคยพบเห็นกันมาเมื่อไม่นานมานี้คือ การแจกเงินที่มีขั้นตอนหลายขั้นตอน แต่แต่ละขั้นตอนมีคนที่ล้มเหลวกันมากมาย ทำเท่าไรก็ไม่ประสบความสำเร็จจนส่งผลคนที่มีสิทธิจำนนไม่พยายามไปขอตามสิทธิ เพราะโปรแกรมตนเองว่า อย่าพยายามขอเลยดีกว่าพยายามไปก็จะล้มเหลว

อาการ Learned Helplessness จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากใช้ในขณะที่คนกำลังขาดความมั่นใจในตนเอง คนที่ไม่คุ้นเคยกับไอที ขาดความมั่นใจในการใช้งานบริการไอที ถ้าใช้บริการไอทีแล้วเกิดปัญหาซ้ำซาก อาการจำนนปฏิเสธที่ใช้ใช้งานไอทีใดๆ ก่อนที่จะมีความพยายามที่จะเรียนรู้ที่จะใช้งานไอที ที่ไม่ยากเย็นเลย ถ้าขาดความมั่นใจในการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ แล้ว เจอะเจอปัญหาซ้ำซากหลายคนจะจำนนไม่เรียนรู้เรื่องใหม่ๆด้วยข้ออ้างว่าพยายามไปก็จะไม่สำเร็จ

ในยามยากที่ความมั่นใจหดหายไปหมด ขออย่าได้ตกเป็นเหยื่อของอาการ Learned Helplessness อย่ายอมโปรแกรมตนเองให้ยอมจำนน โดยไม่พยายามที่จะหาทางเอาชนะภัย เอาชนะวิกฤตินั้นแม้แต่น้อย ถ้าเริ่มรู้สึกจำนนจากความล้มเหลวในการเอาชนะวิกฤติที่ผ่านมา ให้มองใหม่ว่าความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถาวร แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ความล้มเหลวไม่ได้อยู่กับตัวเราตลอดชาติ อย่าโปรแกรมตนเองว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งถาวรสำหรับตนเอง

จำกัดอิทธิพลของอาการ Learned Helplessness โดยไม่โปรแกรมตนเองว่าความล้มเหลวกระจายไปทุกเรื่องในชีวิตในการงาน อย่าผนวกความล้มเหลวเรื่องหนึ่งไปกับทุกเรื่องที่กำลังทำอยู่ความล้มเหลวเป็นเรื่องเฉพาะบริบทหนึ่ง ไม่มีความล้มเหลวใดๆ ที่กระจายครอบคลุมไปหมดทุกเรื่องมองให้ชัดว่าเราอาจล้มเหลวเรื่องนั้นแค่เราก็มีความสำเร็จในอีกหลายเรื่องมองให้ความล้มเหลวจำกัดอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น

อย่ากล่าวโทษตนเองกับความล้มเหลวอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่เช่นนั้น อาการยอมจำนนก่อนพยายามสู้เกิดขึ้นแน่ๆ พยายามมองหาสาเหตุที่นำมาสู่ความล้มเหลวอย่างไม่เข้าข้างตนเอง เท่าๆ กับที่ไม่กล่าวโทษตัวเองเกินไปจากความเป็นจริง มองปัจจัยที่นำมาสู่ความล้มเหลวจากภายนอกบ้าง อย่ามองแต่ปัจจัยภายในของตนเอง ขอให้เหลือความมั่นใจในตนเองไว้บ้าง

ในโลกนี้เท่าที่ผ่านมา มีคนแล้ว คนเล่า ที่อยากให้ผู้คนจำนนในสิ่งที่เขาทำโดยไม่พยายามจะสู้