ใช้เครื่องมืออีคอมเมิร์ซรับมือการขายหลังโควิค-19

ใช้เครื่องมืออีคอมเมิร์ซรับมือการขายหลังโควิค-19

ผู้ชนะในการตลาดออนไลน์ความเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญมากโดยเฉพาะในเวลานี้

การจะใช้เครื่องมือของอีคอมเมิร์ซเพื่อรับมือการค้าขายแบบครบวงจรหลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปนั้น เราคงต้องเริ่มจากการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเสียก่อน กลับไปดูว่าลูกค้าของเราเป็นใครแล้วจึงกำหนดว่าจะใช้ช่องทางใดเป็นช่องทางเข้าถึงลูกค้า เช่น ลูกค้าเราเป็นกลุ่มแฟชั่น เป็นผู้หญิง ก็ควรกระโดดเข้าไปในช่องทางโซเชียลมีเดีย เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงจะอยู่ในโซเชียลมีเดียเป็นหลัก หรือถ้าเป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์ก็อาจต้องมีเว็บไซต์ ใช้โซเชียลมีเดียมาเป็นตัวช่วยโปรโมท สินค้าใดต้องเข้าไปอยู่บนมาร์เก็ตเพลสด้วยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของลูกค้าดูว่าลูกค้าเราคือใคร ช่องทางที่จะไปนั้นมีลูกค้าอยู่หรือไม่ แล้วค่อยตัดสินใจเลือกช่องทางว่าจะไปโซเชียลมีเดีย ไปมาร์เก็ตเพลส หรือมีเว็บไซต์ของตัวเอง แต่คำแนะนำของผมก็คือคุณควรมีทุกช่องทางครับ

นอกจากนี้ ต้องเช็กว่าช่องทางของเรานั้นมีเครื่องมือตัวอื่นเสริมอยู่ด้วยหรือไม่ เช่น มีระบบชำระเงินหรือยัง ลูกค้ากดจ่ายเงินได้ไหม โอนเงินสดหรือตัดบัตรเครดิตได้ไหม หากสินค้ามีราคาแพงลูกค้าสามารถผ่อนชำระออนไลน์ได้หรือไม่ เมื่อลูกค้าจ่ายเงินมาแล้วจะจัดส่งอย่างไร มีระบบเชื่อต่อกับระบบขนส่งหรือไม่ ฯลฯ เหล่านี้จำเป็นต้องคิดทั้งหมดและติดตั้งเครื่องมือช่วยเหล่านี้เข้าไปให้ครบ

เมื่อช่องทางการขายพร้อมจึงเริ่มมาทำการตลาดคือเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ ดึงคนเข้ามาในช่องทางที่เราสร้างเอาไว้ เครื่องมือออนไลน์เดี๋ยวนี้สามารถหาพวกเขาเจอได้ไม่ยากถึงเวลาทำการตลาดก็มาดูเรื่องของกลยุทธ์ว่าต้องทำอย่างไร จะพูดอะไร จะเตรียมเนื้อหาอย่างไร ใช้ภาพแบบไหน จะดึงเขามาที่หน้าเว็บเราหรือดึงเข้ามาแชทกับเราทางเฟซบุ๊กหรือไลน์ของเรา หรือเข้ามาในเว็บให้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้แล้วติดต่อกลับไปหาเขา ฯลฯ

วิธีการปิดการขายก็ทำได้หลายทาง สินค้าบางอย่างสามารถกดสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ได้เลยไม่ต้องใช้คนทำเยอะ สินค้าบางอย่างต้องอาศัยวิธีการอธิบาย การพูดโน้มน้าว แบบนี้อาจต้องใช้วิธีการแชท มีทีมมานั่งคุยหรือมีคนที่โทรกลับไปหา อย่าลืมกลับมาดูเรื่องของทีมงานของเราด้วยว่าพร้อมหรือไม่ ยอดขายทางออนไลน์เกิดจากปัจจัยอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่ง จำนวนคนที่เข้ามาหาเรา ยิ่งมีเข้ามาเยอะเท่าไหร่โอกาสที่จะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของเราหรือเป็นยอดขายก็ยิ่งมีสูงมาก สอง การตลาดที่จะทำให้คนเข้ามาหาเราแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนซื้อ คือเกิด conversion rate ยิ่งเยอะยิ่งได้ผล

ที่สำคัญอีกอย่างคือต้องดูว่าเราเตรียมข้อมูลไว้ดีแล้วหรือยัง เตรียมราคาดีไหม เตรียมคนตอบคำถามไว้หรือยัง การปิดการขายทางออนไลน์นั้นใช้เวลาสั้นกว่าออฟไลน์มาก ลูกค้าบางคนกำเงินมาพร้อมแล้วแต่ก็ทำการบ้านมาก่อน เช่น ดูรีวิวต่าง ๆ มาแล้ว ถ้าเราไม่เตรียมความพร้อมที่จะตอบสนองเขาได้ดีพอก็อาจจะเสียลูกค้าไป

ผู้ชนะในการตลาดออนไลน์ความเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญมากโดยเฉพาะในเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องการแชทตัวอย่างชัดเจนคือ ฮาซันที่ไลฟ์สดขายของได้เป็นสิบ ๆ ล้านก็เพราะการไลฟ์มีการโต้ตอบ คอนเฟิร์มแล้วจ่ายเงินได้ทันที สมัยก่อนต้องมานั่นกดช้อปปิ้งคาร์ท จ่ายเงินก่อนแล้วถึงจะไปส่งสินค้า แต่เดี๋ยวนี้กดเช้าของต้องได้เย็น กดเย็นของต้องได้วันรุ่งขึ้น เพราะระบบขนส่งดีขึ้นทุกอย่าง

เทคนิคที่จะทำให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์เรามากขึ้นคือต้องทำให้เขาเจอเรา แบบแรกคือจุดที่ลูกค้าอยู่เยอะที่สุดในตอนนี้ก็คือโซเชียลมีเดีย ต้องทำตลาดเนื้อหา content marketing โพสต์คอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หากเนื้อหาของคุณดี ข้อมูลของคุณอาจถูกแชร์ออกไปโดยไม่ต้องโปรโมทหรือจ่ายเงินเลยเป็นไปแบบธรรมชาติ เมื่อคนไปอ่านเกิดความอยากได้ก็จะคลิกเข้ามาซื้อที่เว็บของคุณเองเลยแบบที่สองคือบางคนมีความต้องการแล้วแต่กำลังค้นหาสินค้าอยู่ จุดที่คนหาสินค้าก็คือในเสิร์ชเอนจิ้นหรือในกูเกิล เมื่อเขาเห็นอันไหนเป็นอันแรกก็จะซื้อเลย การทำการตลาดแบบที่คนมีความต้องการ มีความสนใจหรือความตั้งใจแล้ว การใช้เสิร์ชเอนจิ้นมักจะได้ผล

การใช้โซเชียลมีเดียกับเสิร์ชเอนจิ้นนั้นคนละวัตถุประสงค์กัน โซเชียลมีเดียเหมาะกับการโน้มน้าวคน แต่บนเสิร์ชเอนจิ้นนั้นคนมีความต้องการอยู่แล้ว เขามาค้นหาต้องเจอทันทีตรงนั้นเลย นี่คือช่วงเวลาที่ดีของการทำ branding ในขณะที่ทุกคนพากันประหยัดหมด 

หากคุณมีงบประมาณบางส่วนหรือมีเงินอยู่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะสร้างแบรนด์ ทำให้คนรู้จัก จงเลือกสื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเมื่อคนคุ้นเคยกับสินค้ากับแบรนด์หรือยี่ห้อของคุณแล้ว โอกาสที่เขาจะซื้อสินค้าของคุณก็ไม่ยาก คุณจะทำงานง่ายขึ้นเยอะ ช่องทางต่าง ๆ ที่คุณจะขายของก็จะง่ายขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ