เทพผู้มีฤทธิ์ ยังพ่ายความคิดคน (ยุคโควิด-19)

เทพผู้มีฤทธิ์ ยังพ่ายความคิดคน (ยุคโควิด-19)

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีคำกล่าวว่า คำพูดและกิริยาที่แสดงออก

ทำให้ทราบชาติกำเนิด สอดคล้องกับคติโบราณที่ว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ซึ่งคนไทยเราคุ้นเคยกันดีกับภาษิตดังกล่าว อย่างยอมรับว่ามักจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเราพบเห็นใครสักคนแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา จนเราต้องพิจารณาไปถึงครอบครัว ชาติ ตระกูลของคนๆ นั้นว่ามีสภาพเป็นมาอย่างไร ดังสุภาษิตบทหนึ่งที่กล่าวว่า “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ ต้องดูถึงย่าถึงยาย..”

จากสุภาษิตดังกล่าว จึงได้เห็นการคิดหาคู่ครองของผู้ชายสมัยก่อน เมื่อจะเลือกผู้หญิงเป็นคู่ครองสักคน จะต้องสืบประวัติย้อนไปถึงแม่ ย่า ยาย ว่าเป็นแบบไหนอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนจะเลือกเป็นคู่ครอง นัยว่าเป็นการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ จะได้ไม่เสียใจภายหลังและจะได้ไม่ถูกค่อนแคะว่ากล่าวจากสังคมวงศาคณาญาติให้ปวดใจเล่น

แต่บางครั้ง ด้วยการสืบสาวสอบสวนพิจารณาจนมากเกินเลย ตามวิสัยของคนเรา ที่มีปากเดียวแต่หลายใจ งานอดิเรกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน ปากจึงขยันทำงานมากกว่าส่วนอื่นให้สมราคาที่ว่า ปากเป็นเอก เรื่องของเรื่องจึงมักจะพบอาการเลยเถิดของปากที่ยากจะยับยั้ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า อาการปากพล่อย

เรื่องพูดมากปากพล่อย ด้วยอดใจไม่ได้ ข่มไม่อยู่ พลุ่งพล่านตลอดเวลา จึงเป็นปัญหาสามัญประจำบ้านของปุถุชนทั้งหลาย ด้วยเป็นธรรมดาของวิถีจิต ที่ดำเนินไปตามกระแสแห่งอำนาจของกิเลส จนก่อเกิดอคติที่ไร้ความเป็นธรรม จนนำไปสู่คดีหมิ่นประมาทให้รกรุงรังศาลมากที่สุด

จึงเกิดปรากฏการณ์ จากคดีที่ศาล สู่โรงพยาบาลจิตเวช ด้วยอาการจิตเภท “โรคหวังดี ประสงค์ร้าย” แพร่สะพัดไปทั่วในสังคม จนมีภาษิตแจกแจงพฤติกรรมของคนว่า ให้มีตาเป็นเหมือนกับงู มีหูเหมือนจระเข้ มีจมูกเหมือนนก มีลิ้นเหมือนสุนัขบ้าน มีกายเหมือนสุนัขจิ้งจอก และมีจิตเหมือนกับลิง ครบสวนสัตว์เขาดินวนา

วันคืนในสรรพชีวิตจึงผ่านไปกับเรื่องวุ่นวายไร้สาระด้วยอาการจิต ที่มีจริต จริยาแตกต่างกันไป ดุจจับสัตว์ทั้ง 6 ชนิดมาผูกไว้ที่หลักเดียวกัน จึงได้เห็นพฤติกรรมทั้งกาย-ใจที่ดำเนินไปตามอาการเร่าร้อนของ โลภะ โทสะ โมหะ

จิต เมื่อบวกกับกิเลสประเภทดังกล่าว จึงให้ออกอาการมืดมน หลงใหล และเร่าร้อนทะยานอยาก ยึดถือให้วุ่นวายไปตามสมมติของโลกอย่างเห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิดไปจากธรรม ซึ่งแตกต่างไปจากบุคคลที่รู้เข้าใจโลกอย่างเป็นธรรม ย่อมมองเห็นโลกตามความเป็นธรรมดา

อาการจิตหลงจึงเร่าร้อน ดิ้นรน ไร้ความสงบ จึงทำให้จิตใจไม่นิ่ง ที่บ่งบอกอาการขาดสติปัญญา ซึ่งต่างกับคนที่พบความสงบ จิตใจจึงนิ่งเป็น มีความเฉลียวฉลาด จึงมีคำกล่าวว่า สงบได้เพราะใจนิ่ง เย็นได้เพราะใจยอมรับ ว่างได้เพราะใจปล่อยวาง จบทุกข์ได้เพราะสว่างใจ

ความนิ่ง จึงเป็นลักษณะธรรมของสัตบุรุษ หากเป็นความนิ่งที่เกิดจากการฉลาดรู้ ความนิ่งดังกล่าวก็จักนำไปสู่ประโยชน์โดยธรรมแท้จริง เราจึงเห็นคำสั่งสอนที่ว่า นิ่งไม่เป็น ใหญ่ไม่ได้  สงบไม่ได้ ยากรู้จริง

ถ้าคนเราสามารถทำความสงบให้เกิดขึ้นได้ จิตใจก็จะมีสภาพความพร้อมในการคิดอ่านก่อนแก้ไขปัญหา สามารถทำการบริหารกิจการบ้านเมือง อันเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งสังคมประเทศชาติได้ตามประสงค์

จึงควรยิ่งที่สาธุชนผู้ต้องบริหารกิจการงานเมือง จะต้องรู้จักบริหารจิตใจให้มีความตั้งมั่น เพื่อการมีความสำนึกที่ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อนจากธรรม ไม่ผิดแผกไปจากธรรม จะได้ไม่ไปเก็บเอาน้ำคำมาแปรรูปจนกลายเป็นขยะความคิด ให้จิตใจอับแสงเล่น ด้วยเพราะไม่เข้าใจในเรื่องจริตของปุถุชนที่ดำเนินไปตามวิถีกิเลส ที่แม้พระอินทร์ผู้เรืองฤทธิ์ก็เกือบจักสิ้นคิดเพราะจริตของปุถุชน ดังมีนิทานเล่าว่า

“กาลครั้งหนึ่ง พระอินทร์ต้องการทดสอบจิตใจมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร จึงเนรมิตม้าสีดำนิลสนิทมาตัวหนึ่ง แล้วนำเข้าไปในหมู่บ้าน

หมู่บ้านแรก ชาวบ้านมารุมดู กล่าวชื่นชมว่า ม้าตัวนี้สวยมากขนดำสนิท แต่เสียอย่างเดียว ขาไม่ด่าง

พระอินทร์จึงเนรมิตให้เป็นไปตามความคิดชาวบ้าน ให้ขาด่างตามประสงค์ แล้วนำไปโชว์ตัวต่อในหมู่บ้านต่อไป ชาวบ้านอีกหมู่บ้านก็ได้พากันแห่เข้าไปมุงดู ม้าดำสนิท ขาด่าง สวยงามกันมากมาย แต่พากันกล่าวตำหนิว่า หางไม่ดอก

พระอินทร์ก็อนุวัติตามความวิพากษ์ของชาวโลก จัดการเนรมิตให้หางดอก แล้วนำไปอวดโฉมต่ออีกหมู่บ้านต่อไป ซึ่งได้รับคำชื่นชมสมใจอยาก แต่มีข้อพิจารณาว่า ม้าดำนิล ขาด่าง หางดอก นั้นดีแล้ว แต่หากจะให้ครบดีมงคล ต้องหน้าแด่น

พระอินทร์จึงเริ่มชักออกอาการงงๆ ว่า เอ๊ะ! ม้าดำนิลของฉันจะเป็นอย่างไรต่อหนอ หากปล่อยให้ชาวโลกวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปากเช่นนี้ แต่ก็ยอมทำตาม เมื่อชาวบ้านหมู่บ้านต่อไปได้เห็น ก็พากันชื่นชมคล้ายๆ กับหมู่บ้านที่ผ่านมา ต่างกล่าวว่า “ม้าตัวนี้ ดำนิลสนิท ขาด่าง หางดอก หน้าแด่น แต่ยังไม่แด่นเป็นรูปใบโพธิ์”

พระอินทร์ได้ฟังเช่นนั้น อาการเซ็งบวกเบื่อหน่ายที่ค้างคาใจได้พานทะลักออกมา เกิดความตระหนักรู้ว่า หากขืนปล่อยให้ไหลไปตามกระแสความคิดนึกของคนหรือชาวโลก ที่สุด ม้าดำสนิทของกู ต้องกลายเป็นหมาขี้เรื้อนแน่นอน!!! ว่าแล้วจึงเหาะกลับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยประการฉะนี้”

เรื่องของพระอินทร์สิ้นฤทธิ์ ด้วยอานุภาพความคิดหลากหลายในเมืองมนุษย์ จึงเล่าลือ มาเป็นอนุสติให้น่าสงสาร จนถึงวันนี้ !!!

เจริญพร