จะดีแค่ไหนหากลงมือทำในสิ่งที่คิดและมั่นใจว่าดีเสียตั้งแต่วันนี้
ทุกครั้งเมื่อมีความคิดดีๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากห้องประชุม หรือจะเป็นบทสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงการพูดคุยกับญาติสนิท มิตรสหาย ฯลฯ ประโยคที่เรามักจะได้ยินบ่อยจนเคยชินก็คือ นั่นเป็นความคิดที่เข้าท่ามาก “พรุ่งนี้ลองดู”
เราชินกับการใช้ประโยคนี้จนทำให้ดูเหมือนว่า “พรุ่งนี้” จะเป็นทางออกของทุกสิ่ง ไม่ว่าปัญหาเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว แต่น่าเสียดายว่าส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่คาดว่าจะเกิดในวัน “พรุ่งนี้” มักไม่เกิดขึ้นจริง เพราะเรามักจะโยนให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนมันไม่มีวันเกิดขึ้น
เรารู้ว่าการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพแต่ถ้าถามว่าจะเริ่มเมื่อไรก็มักจะบอกกันว่า “วันพรุ่งนี้” เช่นเดียวกับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ ที่ส่งผลดีต่อหน้าที่การงานก็มักจะทำใน “วันพรุ่งนี้” เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
เช่นเดียวกับเรื่องของ Egg Flower Soup หรือซุปไข่ที่เป็นอาหารยอดนิยมของคนจีนที่ผมเคยเขียนไว้ใน “ไอทีไร้พรมแดน” เมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะในอดีตนักศึกษาชาวจีนในสหรัฐอเมริกามักทำซุปไข่เช่นนี้มาทานด้วยกันในโอกาสต่างๆ
ทุกครั้งที่ได้ทานซุปไข่นี้ด้วยกันก็ต้องมีคนชมว่ามันอร่อยมาก และน่าจะขายดีแน่นอนหากทำขายอย่างจริงจัง ซึ่งในปีต่อๆ มาก็ยังคงได้ยินประโยคนี้เช่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งแต่ละคนเรียนจบแยกย้ายกันไปทำงานต่างๆ ก็ยังไม่มีใครทำซุปไข่ขายเสียที
ไม่ต่างอะไรกับเราที่อาจเคยคุยกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ว่าที่ดินและบ้านในละแวกโน้นละแวกนี้ดี ราคาไม่แพง น่าจะสะสมเงินแล้วลงทุนซื้อเก็บไว้ แต่เราก็ไม่สนใจทำอะไรจริงจัง เพราะคิดว่า “พรุ่งนี้ค่อยดู”
จนเวลาผ่านไปหลายปีแล้วพบว่า ราคาบ้านและที่ดินเหล่านั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสิบเท่า ก็ได้แต่มาบ่นเสียดาย หรือบางคนเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็เคยคิดจะซื้อหุ้นในบางบริษัทเพราะเห็นแนวโน้มดี “ค่อยซื้อพรุ่งนี้” แต่ก็ไม่ได้ติดตามจริงจัง เมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นมามากก็ได้แต่บ่นว่า “ถ้ารู้อย่างนี้...” ซึ่งเรามักได้ยินเรื่องทำนองนี้บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต
บางครั้งเราอาจสนใจเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง แต่ด้วยหน้าที่การงานรัดตัวทำให้ไม่มีเวลามาติดตามความคิดดีๆ ที่เคยคิดได้ในอดีต ทำให้สิ่งที่อยากทำเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป จนเราลืมมันเสียสนิท จะมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อมีคนอื่นทำแล้วประสบความสำเร็จจริงๆ เราก็ได้แต่เสียดาย เพราะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
หากเราคิดว่ามีสิ่งดีที่น่าทำแต่จะค่อยทำในภายหลัง หรือ “วันพรุ่งนี้” เราต้องคิดด้วยว่ามันเป็นต้นทุนของโอกาสที่อาจผ่านเลยไป เพราะยิ่งเนิ่นนานออกไปคือเป็นวันพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้าย่อมมีคนที่คิดได้เหมือนเราและลงมือทำก่อน และเขาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จก่อนเช่นเดียวกัน
ยิ่งเป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้บริหาร ที่มีลูกน้อง มีทีมงานที่ต้องอบรม ต้องให้ความรู้ เราก็มักสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ให้มุ่งมั่นตั้งใจ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็อาจเห็นคนที่เป็นเจ้าของ หรือเจ้านายผัดวันประกันพรุ่งจนทำให้บริษัทเสียโอกาสไปหลายหน ก็ยิ่งทำให้เราสอนเขาได้ยากเพราะไม่มั่นใจในตัวของกันและกันแล้ว
จะดีแค่ไหน หากเราลงมือทำในสิ่งที่คิดและมั่นใจว่าดีเสียตั้งแต่ “วันนี้” เพื่อที่วันพรุ่งนี้เราจะได้ติดตามความคืบหน้า และคิดถึงอนาคตในวันต่อๆ ไป ซึ่งนั่นจะสร้างความมั่นใจได้ว่าเราจะไม่เสียโอกาสใดๆ ไปเพราะได้ลงมือทำสิ่งที่คิดไว้เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็เป็นบทเรียนของวันนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเป็นบทเรียนของวันพรุ่งนี้ ทำให้เราพัฒนาศักยภาพของเราได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด แม้ว่าเราจะยังอยู่ในวิกฤติการณ์โควิด-19 แต่เราก็มั่นใจว่าได้คิดและทำทุกอย่างที่ดีที่สุดแล้ว