นายทุน-การเมือง อย่าเพิ่งป่วน

นายทุน-การเมือง อย่าเพิ่งป่วน

เมื่อความวิตกกังวลเรื่องผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อัตราตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง

 ผู้ป่วยได้รับการรักษาหายกลับบ้านไปกว่า 2 พันคน เพราะมาตรการที่เข้มข้นของรัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ศบค. ที่ฟังคำแนะนำจากปรมาจารย์ด้านการแพทย์ 

ความกังวลของสังคม ที่เกรงว่าไทยจะวิกฤติติดเชื้อ และสูญเสียเหมือนหลายๆ ประเทศ เริ่มคลี่คลาย

ผู้คนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้นจากที่ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เห็นถนนโล่งมาร่วมเดือน ก็เริ่มเห็นสัญญาณ รถหนาแน่นขึ้น ผู้ประกอบการทั้งหลายเริ่มเรียกร้องให้รัฐ คลายล็อก เปิดกิจการมากขึ้น ด้วยเหตุผลว่าจำเป็นที่ต้อง “ทำมาหากิน”

 นักการเมือง ทั้งฟากฝ่ายค้านและรัฐบาล เริ่มแสดงบทบาท ก่นด่ามาตรการของรัฐบาล และเริ่มยื่นข้อเรียกร้องต่างๆ ด้วยการอ้างความเดือดร้อนของประชาชนมากขึ้น หลังจากที่ถูกนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และลดบทบาทนักการเมือง จากทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาเกือบเดือน

 ความกดดันจากทั้งภาคผู้ประกอบการ และนักการเมืองที่ถูกลดบทบาทจากสถานการณ์โควิด-19 นี่แหละ จะเป็นตัวแปรในการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่อาจจะทำให้รุนแรงกว่าเดิม 

จำเป็นที่คนไทยทั้งประเทศ ต้องถอดบทเรียนจากหลายประเทศ ทั่วในยุโรป-สหรัฐ หรือแม้กระทั่ง ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ที่พอคลายกังวลคลายมาตรการต่างๆ สถานการณ์การติดเชื้อกลับรุนแรงขึ้น 

สิ่งที่ทำมาร่วมเดือนด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศ จนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจนเป็นที่ชื่นชมของคนไทยทั้งแผ่นดิน และนานาชาติทั่วโลก จะ “สูญเปล่า” เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ได้

 ดังนั้น นายทุน-นักการเมืองทั้งหลาย เลิกเห็นแก่ตัวเถิด หยุดคิดจะให้กลับมาเปิดกิจการเหมือนเดิม 

นักการเมืองหยุด “แหกปากพ่นน้ำลาย” ช่วงชิงพื้นที่ทางการเมือง เฉกเช่นเดิมเถิด

 วันนี้เรายังไม่มี “วัคซีน” หรือยาตัวไหน หยุดยั้งเจ้าไวรัสมฤตยูโควิด -19 ได้ นอกจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ เพื่อรอการคิดค้น “วัคซีน-ยาต้าน”ไวรัสนี้ได้ 

ระหว่างนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง “ปรับพฤติกรรมใหม่ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ได้อดทน ปรับพฤติกรรมใหม่แล้ว"

 เหลือนายทุน-นักการเมือง แม้จะอ้างตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ยอมรับการต้องปรับ “วิถีชีวิตใหม่” เพียงเพื่อประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่รับผิดชอบกับชีวิตคนไทยทั้งแผ่นดิน 

เป็นสิ่งที่ต้องเรียกร้องสำนึกจากคนประเภทนี้ ทั้งที่คน “จำพวก”นี้ มีโอกาสมากกว่าคนไทยส่วนใหญ่ แทนที่คนกลุ่มนี้จะเอา “ส่วนเกินของชีวิต” มาช่วยเหลือเยียวยาคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน กลับ “เห็นแก่ได้” เรียกร้องโอกาสเพื่อตัวเองมากเกินไป

 “สุขภาพ จำเป็นต้องนำเสรีภาพ” ในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อความปลอดภัยของคนไทย ใครเรียกร้องเสรีภาพ อ้างอเมริกา-ฝรั่งเศส ก็ลองส่งคนที่เรียกร้องไปอยู่ประเทศที่ยกตัวอย่างในขณะนี้ จะกล้าไปไหม 

ต้องบอกว่า ขณะนี้ประเทศไทยปลอดภัยกว่า จนคนอยากกลับ!

ฉะนั้น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้บริหารสถานการณ์โควิดทั้งหลาย อย่าสนใจแรงกดดันของคนกลุ่มนี้ “ฟังคุณหมอ” 

เมื่อไหร่ที่เราปลอดภัย ค่อยทยอยปล่อยล็อกดาวน์ แต่ระหว่างนี้รัฐบาลก็ต้องเต็มที่ เยียวยาทุกกลุ่ม เพราะความเดือดร้อนเกิดขึ้น “ทุกหย่อมหญ้า”ทั่วแผ่นดินจริง!