ดิจิทัลและ Big Tech ในวิกฤติ Covid-19

ดิจิทัลและ Big Tech ในวิกฤติ Covid-19

การคาดการณ์ (Prediction) การแพร่ระบาดของเชื้อโรค Covid-19 ได้ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจเพิ่มอย่างรวดเร็ว (Peak)

ในเวลาอันสั้น ซึ่งจะทำให้จำนวนห้องไอซียูและเครื่องช่วยหายใจ ตลอดจนทีมแพทย์และบุคลากรไม่เพียงพอต่อการรักษาและดูแลผู้ป่วย โดยผลคาดการณ์ที่ร้ายแรงล่วงหน้าอาจช่วยให้รัฐตระหนักและเตรียมพร้อมเพื่อลดความสูญเสีย และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยการตัดสินใจของรัฐในการออกมาตราการเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อ โดยการขอให้ประชาชนรักษาระยะห่างระหว่างกัน “Social Distancing” รวมถึงการกำหนดให้ประชาชน “อยู่บ้าน” (Stay-at-Home)

มาตราการอยู่บ้านเป็นเหตุให้ห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิง ร้านค้า ธุรกิจและกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนการเดินทางในชีวิตประจำวันของผู้คนและการประกอบธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดชะงักลง ทำให้ธุรกิจน้อยใหญ่และผู้คนต่างต้องหันมาทำงาน ชอปปิง เรียนหนังสือ ทำกิจกรรมหรือทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เปิดให้บริการอยู่รายล้อมจนกลายเป็นชีวิตประจำวันใหม่ของผู้คน และเปิดโอกาสให้กับธุรกิจที่สามารถสื่อสารและจำหน่ายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ทำรายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลจะเติบโตอย่างมาก หรือกระทั่งเป็นที่คาดหวังว่ากลุ่มบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีจะสามารถใช้นวัตกรรมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดจาก Covid-19

 

อีคอมเมิร์ซผงาด

แม้ห้างสรรพสินค้าอย่าง Macy’s หรือ J.C. Penney รวมถึงห้างอีกกว่า 250,000 แห่งจะถูกระงับการให้บริการในช่วงเวลานี้ แต่สโตร์อย่าง Target และ Walmart หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Kroger หรือ Whole Foods กลับกลายเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าประจำวันที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะ Walmart ซึ่งเป็นสโตร์ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดมีสาขากว่า 11,500 แห่งที่เปิดให้บริการทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มีแผนรับพนักงานเพิ่มกว่า 150,000 คนเพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ

ขณะที่อเมซอน (amazon.com) ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 35% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และประมาณว่า Amazon Fresh และ Whole Foods จัดส่งอาหารและของชำมากขึ้นถึง 400% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยในช่วงเวลาที่หน้ากาก N95 และอุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลนอย่างหนัก อเมซอนเปิดการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานรัฐเท่านั้น และยังจำกัดการจำหน่ายสินค้าเหลือเพียง 6 กลุ่มสินค้าเท่านั้นเพื่อให้สามารถเก็บและจัดส่งสินค้าได้ทันเพียงพอ จึงเห็นได้ถึงความสำคัญของอเมซอนและร้านค้าอีคอมเมิร์ซในช่วงเวลาวิกฤติที่ผู้คนต้องอยู่บ้าน และทำให้อเมซอนและร้านค้าอีคอมเมิร์ซมีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของผู้คนในยามวิกฤติเช่นนี้

 

ใกล้กันด้วยดิจิทัล

แพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น อาทิ Facebook, Line, TikTok หรือ Instagram กลายเป็นที่พึ่งของการสื่อสารระหว่างผู้คนและเพื่อนฝูง ช่องทางข่าวออนไลน์ แอพหรือ YouTube ช่วยให้ผู้คนได้รับข่าวสารสำคัญ หรือการชมภาพยนตร์ผ่าน Netflix, Apple TV หรือออนไลน์ทีวีช่วยสร้างความบันเทิงในระหว่างอยู่บ้าน ตลอดจนวิถีการเรียนการนัดพบหรือการประชุมที่เปลี่ยนไปผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Google Hangout หรือ Microsoft Teams

คอนเสิร์ตระดับโลก “One World: Together At Home” ที่จัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 18 เม.ย. ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลนาน 8 ชั่วโมงโดยการประสานงานของ Lady Gaga เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และ WHO โดยความร่วมมือกับ WHO และ Global Citizen นับเป็นคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งประวัติศาสตร์ที่รวมเอาเหล่าศิลปินนักร้อง นักแสดงและวงดนตรีชื่อก้องโลกร่วมกันบรรเลงเพลงจากบ้าน อาทิ Taylor Swift, Elton John, Andrea Bocelli, Paul McCartney, Lady Gaga และ The Rolling Stones

 

Digital Contact Tracing

ในช่วงเวลานี้ความร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายนับเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยล่าสุดแอปเปิ้ลและกูเกิลได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกในการพัฒนาเครื่องมือในการติดตามผู้ติดเชื้อ “Contact-Tracing” ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth ที่ฝังไว้ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ของ iOS และ Android เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในการติดตามตัวผู้มีโอกาสติดเชื้อโรค Covid-19 โดยภายหลังการติดตั้งหรืออัพเดทระบบเมื่อเครื่องสมาร์ทโฟนเข้ามาอยู่ในระยะใกล้กัน เครื่องจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอัตโนมัติ โดยต่างแลกกันจัดเก็บข้อมูลเลขที่ส่วนตัวของเครื่องอื่นลงในอีกเครื่องเพื่อใช้ติดตามตัวในภายหลัง ซึ่งข้อมูลเลขที่ส่วนตัวนี้จะไม่มีการระบุชื่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ (Anonymous Tracing Key) แต่อย่างใด และหากเจ้าของเครื่องใดเครื่องหนึ่งแจ้งผ่านระบบว่ามีอาการป่วยติดเชื่อโรค Covid-19 ระบบจะแจ้งเตือนไปยังเครื่องของผู้ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องของผู้ป่วย เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคต่อไป อย่างไรก็ตามระบบจะทำงานได้สมบูรณ์ต่อเมื่อมีการพัฒนาต่อยอดโดยภาครัฐที่สนใจใช้งาน เพื่อออกแบบซอฟต์แวร์ให้แสดงข้อมูลต่อผู้สมัครตามความต้องการของภาครัฐ

สร้างความพร้อมรับมือวิกฤติ

เชื้อโรคร้ายได้คร่าชีวิตผู้คนและทำลายเศรษฐกิจโลกมากมาย พร้อมทั้งกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนไปอีกมาก ในขณะเดียวกันก็ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ช่วยเหลือพึ่งพากันและร่วมใจกันฟันฝ่าวิกฤติ Covid-19 ทำให้องค์กรน้อยใหญ่ตระหนักถึงโรคภัยร้ายแรงที่พร้อมบั่นทอนความผาสุกของผู้คนและทำลายเศรษฐกิจอย่างรุนแรง จึงเป็นเวลาที่องค์กรในประเทศและคนในชาติต้องเข้มแข็งมากขึ้น มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้นเพื่อพร้อมรับมือกับภัยร้ายและวิกฤติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง