ล็อกดาวน์ เอ็กซ์ซิท: เปิดเมืองไหนก่อน?

ล็อกดาวน์ เอ็กซ์ซิท: เปิดเมืองไหนก่อน?

หลังจากที่ตัวเลขสถิติรายวันของผู้ติดเชื้อรายใหม่ดีวันดีคืนมากว่า 1 สัปดาห์ ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องว่าให้เตรียมการเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

 เนื่องจากทนพิษบาดแผลด้านเศรษฐกิจไม่ไหวมีคนจำนวนมากที่ต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และยังเข้าไม่ถึงหรือยังรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่สถานการณ์นี้ก็ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจเพราะอย่าลืมว่าที่จำนวนคนติดเชื้อน้อยก็เพราะว่าคนอยู่บ้านกันมาก แต่หากคนออกมาร่าเริงและจับกลุ่มสังสรรค์กัน การติดเชื้อก็จะกลับเพิ่มขึ้นมาอีกเพราะคาดการณ์กันว่ามีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสแล้วแต่ยังไม่แสดงอาการกระจายอยู่แทบจะทุกมุมทุกจังหวัดของประเทศไทย

เรื่องแรกที่เราจะต้องเข้าใจร่วมกันทั้งประเทศก่อนที่จะปลดล็อกดาวน์ก็คือ แม้ว่าเราจะปลด ล็อกดาวน์แล้วก็ตาม เนื่องจากเรายังไม่มีวัคซีนและไม่มียารักษาโรคโควิด-19 ประชาชนยังคงต้องให้ความร่วมมือในการรักษาระยะห่างทางสังคม ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมทั้งเมื่ออยู่บ้านด้วยหากไม่สามารถจัดพื้นที่ให้มีระยะห่างกัน หมั่นล้างมือและไม่ไปชุมนุมหรือมั่วสุม หยุดตั้งวงเหล้า สูบบุหรี่ และตั้งวงพนันหรือเข้าไปแออัดกันในที่ๆ ไม่บังควร เช่น บ่อนการพนัน งานปาร์ตี้ หรือสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน การปลดล็อกดาวน์เกิดขึ้นก็เพราะต้องการลมหายใจทางเศรษฐกิจที่จะพัดเข้ามาต่อลมหายใจคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าปลดล็อกดาวน์แล้วคนไทยจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะถ้าคนไทยไม่มีวินัย การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสก็จะกลับมาอีก

เรื่องที่ 2 เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก็คือ โควิด-19 อาจจะกลับมาระบาดอีกครั้ง เพราะเป็นธรรมชาติของโรคที่อาจจะกลับมาระบาดเป็นระลอกๆ ในช่วงเวลาที่เรายังไม่มีวัคซีนและยารักษา ผู้เขียนจะขอเรียกว่าช่วง Next normal เป็นสถานการณ์ที่ยังไม่เสถียร ดังนั้น การปลดล็อกจะต้องเป็นการทยอยปลดหรือเป็นการผ่อนปรนและอาจจะต้องมีการประกาศข้อบังคับหรือบังคับใช้ พรก. ฉุกเฉินเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและความเหมาะสมของสถานการณ์

เรื่องที่ 3 ก็คือ เราต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน แต่เดิมรัฐบาลต้องการป้องกันทุกคน ดังนั้นทุกคนก็ต้องอยู่บ้านกันหมด ในขณะที่ถ้าเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ยังต้องอยู่บ้านได้แก่ ผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาจากพื้นที่เสี่ยง เด็กที่เรียนชั้นอนุบาลหรือต่ำกว่า รวมทั้งผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ต้นทุนของการดูแลก็จะต่ำลง แต่ถ้ารัฐปลดล็อกก็อาจจะปลดล็อกให้กับกลุ่มนักศึกษาหนุ่มสาวหรือนักเรียนที่แข็งแรงให้ออกมาก่อน ที่จริงน่าจะให้กลับมาเรียนได้ก่อน 1 ก.ค.ด้วยซ้ำ เพราะครูและนักเรียนจะได้จูนเครื่องกันก่อน ที่สำคัญคือการทำสื่อการสอนออนไลน์แบบฉุกละหุกมากจะไม่ได้ผลนัก เพราะนักเรียนจำนวนมากไม่ได้มีฐานที่จะเรียนรู้ออนไลน์ ในประเทศเดนมาร์คขณะนี้ได้ปล่อยนักเรียนออกไปโรงเรียนได้แล้วเพื่อให้พ่อแม่สามารถทำงานได้ สำหรับในประเทศไทยนอกจากพ่อแม่จะกลับไปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้แล้ว ยังช่วยให้เศรษฐกิจของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ขายอาหารขายของกินให้นักเรียนสามารถกลับมาเป็นปกติได้บ้าง โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัดที่เป็นพลังหมุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

เรื่องที่ 4 ก็คือ การทยอยปลดล็อกต้องทำเป็นเมืองหรือเป็นจังหวัด เกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาก็ดูจากความสามารถในการจัดการโควิด-19 ของจังหวัดนั้นๆ ได้แก่ อัตราติดเชื้อต่ำหรือใกล้ศูนย์ จำนวนวันที่ไม่มีการติดเชื้อติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยในจังหวัดนั้นๆ กล่าวคือ มีเตียงในโรงพยาบาลสนามเท่าไหร่ และมีห้องไอซียูกี่ห้อง มีเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลผู้ติดเชื้อที่อาการวิกฤตได้เท่าไร ซึ่งควรจะให้ฝ่ายสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณาร่วมกัน นำปัจจัยเหล่านี้มาเป็นตัวตั้งและควรติดตามอัตรานี้ตลอดเวลาเพื่อประเมินการใช้นโยบายปลดล็อก และปรับมาตรการปลดล็อกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งในขณะนี้ก็มีทีมคุณหมอเริ่มคิดกระบวนการนี้แล้ว

เมื่อมีเกณฑ์ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็น่าจะนำมาใช้ในการกำหนดโซนกล่าวคือ แบ่งโซนเป็นโซนหนึ่งคือกลุ่มจังหวัดปลอดภัยที่มีผู้ติดเชื้อน้อย โซน 2 คือจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่ง 2 โซนนี้สามารถปลดล็อกได้ และโซน 3 คือจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งโซน 3 นี้ถือเป็นโซนอันตรายก็คงยังไม่ต้องพูดถึงการปลดล็อก แต่ควรพูดถึงการลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ได้เสียก่อน รวมทั้งอาจต้องกำหนดว่าผู้ที่มาจากโซนสามอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าโซนหนึ่งและสอง ยกเว้นว่าจะได้รับการตรวจวัดโดยวิธี Rapid test ซึ่งดีกว่าวิธีวัดอุณหภูมิหรือผู้ที่มีหลักฐานว่ามีภูมิต้านทานแล้ว

ฝ่ายสาธารณสุขอาจพิจารณาออกบัตรให้ผู้มีภูมิต้านทานเสมือนมี Passport ให้เดินทางทั่วประเทศ ทั้งนี้อาจมอบหมายให้ Lab เอกชนหรือมหาวิทยาลัยเป็นองค์กรตรวจสอบจะได้กระจายงานออกไป

ต่อมาก็ค่อยมาพิจารณาแบ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจว่ากลุ่มใดจะได้เปิดก่อน กลุ่มแรกที่น่าจะเปิดได้ก่อนก็คือ กลุ่มบริการร้านค้าทั่วไป แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสรรพสินค้าที่จัดการระยะห่างทางสังคมได้ แต่จำเป็นจะต้องมีการคัดกรองก่อนเข้า รวมทั้งอาจมีบูธไปให้บริการ Rapid test ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการที่จะเพิ่มการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้ออีกด้วย อีกทั้งร้านค้าเหล่านี้ต้องมีมาตรการรักษาระยะห่าง

ถ้าดูหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่ผู้เขียนเสนอแล้ว ก็จะเห็นว่า เมืองไหนจะเอ็กซ์ซิทได้ก่อน ได้แก่ น่าน แต่การเปิดเมืองไม่ได้เป็นเรื่องของตัวชี้วัดและการตัดสินใจของภาครัฐเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงจิตใจประชาชนด้วยว่าพร้อมจะยอมรับความเสี่ยงได้มากขนาดไหน ซึ่งประชาชนก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจกับความเสี่ยงด้านสุขภาพ

สำหรับเวลาที่ผู้เขียนเห็นว่าจะเริ่มเปิดได้ก็ตั้งแต่กลาง พ.ค.นี้ สำหรับการท่องเที่ยวก็คงจะต้องทยอยเปิด แต่จะเปิดทุกเมืองคงไม่ได้ หากการทดลองในช่วงแรก (พ.ค.) เป็นไปด้วยดีและเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย รัฐก็ควรชดเชยวันหยุดช่วงสงกรานต์ที่ประกาศเลื่อนออกไปก่อนให้ไปหยุดต้นต.ค. ถือเป็นการเปิดศักราชของการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน อย่างไรก็ดี อาจยังไม่สามารถเปิดสถานบันเทิงได้ เพราะดูจากสถิติของการติดเชื้อแล้ว สถานบันเทิงที่มีการดื่มสุราเป็นต้นเหตุของการติดเชื้อค่อนข้างสูง ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศต้องรอปีหน้า!

เนื่องจากสถานบันเทิงอาจจะต้องเปิดหลังสุด เมืองท่องเที่ยวที่อาศัยสถานบันเทิงหารายได้ก็คงต้องปลดล็อคดาวน์หลังสุด ดังนั้นเชียงใหม่น่าจะเปิดได้ก่อนชลบุรีและภูเก็ต

โดย...

ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด

มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ