มวยเด็กคือการ “ทำนาบนหลังเด็ก”

มวยเด็กคือการ “ทำนาบนหลังเด็ก”

ภาพเด็กตัวเล็กๆ ทั้งหญิงชายอายุ 7-8 ขวบใส่นวมชกกันอย่างดุเดือดบนเวทีของผู้ใหญ่และบางครั้งถ่ายทอดทางทีวีด้วย

ทำให้นึกถึงภาพของโมฮัมเหม็ด อาลี นักชกผู้ยิ่งใหญ่ตอนแก่เดินไม่ถนัด ร่างกายโยกไปมา พูดไม่ชัดและมีอาการตัวสั่นจากโรค Parkinson เช่นเดียวกับอดีตนักมวยของไทยอีกหลายคน

สังคมเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เราสนุกสนานกันบนความพินาศของชีวิตในอนาคตของเด็กเหล่านี้โดยที่พวกเขาไม่เข้าใจอันตรายอันร้ายแรงและไม่สามารถเลือกที่จะไม่ชกเพราะอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ใหญ่ได้

​มวยไทยนั้นมีพิษสงร้ายกาจในการทำลายล้างคู่ชกอย่างมาก เพราะมีถึง 8 อาวุธ คือ สองหมัด สองเท้า สองเข่า และสองศอก ทุกครั้งที่ถูกอาวุธที่หัว มันสมองที่เป็นอวัยวะเปราะบางไม่ใช่ของแข็งอยู่ภายในกะโหลกก็จะเคลื่อนไปมากระแทกเข้ากับด้านในของกะโหลกที่เป็นเสมือนภาชนะบรรจุอยู่ ลองจินตนาการว่าถ้าเอาเต้าหู้เหลวเกือบแข็งใส่ขวดและเขย่าก็จะพบว่าเต้าหู้ข้างในจะถูกกระแทกจนเละ

ลักษณะเละของเต้าหู้เช่นนี้ก็หมายถึงว่าสมองจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ในสภาวะที่สมองยังไม่เติบโตเต็มที่เช่นเดียวกับกะโหลก ความเสียหายก็เกิดขึ้นได้มาก ดังนั้นการจัดชกมวยของเด็กในวัยต่ำกว่า 15 ปีเป็นการผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.กีฬามวย 2542 ผู้จัดการแข่งขันมวย หรือนายสนามมวยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเด็นเรื่องเด็กชกมวยนี้มีการต่อสู้กันมานาน แต่ฝ่ายจัดก็ยังคงจัดอยู่อย่างผิดกฎหมายหรือเลี่ยงกฎหมายแบบเทาๆ ผู้ดูชอบมวยเด็กเพราะล้มมวยไม่เป็น ยังบริสุทธิ์เป็นผ้าขาว บอกให้ชกก็ชกลูกเดียว การพนันขันต่อจึงทำได้ง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนพนันมวยผู้ใหญ่

งานวิจัยเรื่องอันตรายจากการชกมวยของเด็กหลายชิ้นให้ข้อสรุปตรงกันว่าเป็นผลเสียอย่างมหันต์ ในกลางปี 2016 การศึกษาของโรงพยาบาลรามาธิบดี หัวข้อ Advanced Diagnostic Imaging Center (AIMC) และ Injury Prevention Research Center (CSIP) โดย พญ.จิราภรณ์ เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าทีม การศึกษาครอบคลุมเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่มิได้ชกมวย 252 คน กับเด็กที่ชกมวย 335 คน โดยทั้ง 2 กลุ่มมาจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่คล้ายกัน

จากการตรวจสอบสภาพสมองด้วย MRI พบว่า (ก) ขนาดของสมองของทั้ง 2 กลุ่มมีขนาดใกล้เคียงกัน (ข) กลุ่มที่ชกมี IQ ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ยิ่งชกนานก็ยิ่งทำให้มี IQ ต่ำลง เด็กที่ชกมวยเกินกว่า 5 ปีมี IQ เฉลี่ยประมาณ 88 ซึ่งต่ำกว่าระดับมาตรฐานประมาณ 10 แต้ม (ค) พบความผิดปกติของโครงสร้างสมองของกลุ่มที่ชกมวยมีความเสียหายที่ส่วนของสมองที่มีชื่อว่า hippocampi และ temporal lobes มีการสะสมธาตุเหล็กในสมอง มีการฉีกขาดของเซลล์ประสาทสมอง ฯลฯ

ผลพวงเช่นนี้มีโอกาสสูงที่จะนำไปสู่หลายโรคทางประสาทเมื่อเติบโตขึ้น เช่น Parkinson's Disease/Alzheimer’s Disease มีผลกระทบต่อสายตา เลือดซึมออกในสมอง ฯลฯ และเมื่อเติบโตขึ้นก็จะมี IQ ต่ำกว่าปกติ

ภาพ MRI ของสมองของเด็กที่ชกมวยกับสมองของผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กล่าวคือมีความชอกช้ำจากการกระแทก มีการอักเสบของสมองและเกิดความเสียหายต่อเยื่อสมองที่เชื่อมต่อเซลล์สมองเข้าด้วยกัน

ผลงานวิจัยนี้จึงมีกลุ่มผู้สนับสนุนให้ห้ามเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีชกมวย ไม่ว่าจะมีอุปกรณ์ป้องกันหัวหรือไม่ก็ตามและสำหรับอายุ 13-15 ปี ต้องได้รับอนุญาตเป็นครั้งๆ ไป โดยให้แก้ไขกฎหมายฉบับปี 2542 ซึ่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ชกมวยก็จริงแต่ยังมีช่วงโหว่อยู่

กลุ่มสนับสนุนการชกของเด็กนั้นอ้างว่ามวยไทยเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติต้องสืบสานกันต่อไปอย่างเข้มแข็ง โดยให้เด็กเริ่มชกตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะเป็น 5-6 ปีหรือ 8-9 ปี เพราะจะทำให้แข็งแกร่งเป็นนักชกที่ทรหดและมีประสบการณ์สูง เรื่องการกระทบกระเทือนสมองนั้นการเล่นฟุตบอล หรือตะกร้อ หรือรักบี้ ของเด็กก็มีผลกระทบต่อสมองได้เช่นกัน คนอ้างเหล่านี้ลืมไปว่าการได้แต้มของกีฬาอื่นนั้นได้มาจากการกระทำอื่นๆ มิใช่การชกหน้าและลำตัวซ้ำๆ เพื่อให้เกิดการชอกช้ำที่สุดอันเป็นเป้าหมายหลักของกีฬามวย

พ.ร.บ.กีฬามวย 2542 ตั้งใจควบคุมกีฬามวย (ทั้งมวยสากลและมวยไทย) เพื่อให้อยู่ในร่องในรอย อีกทั้งส่งเสริมสนับสนุนกีฬามวยให้มีมาตรฐานอีกด้วย เนื้อความก็คือให้นักมวยได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมจากผู้จัดการแข่งขันมวย หัวหน้าค่ายมวยการจัดชกมวยต้องได้รับการอนุญาตทุกครั้ง ห้ามล้มมวย การปลอมปนยาที่ทำให้อ่อนแรงมีโทษอาญา ทุกคนที่อยู่ในวงการมวยต้องมีการจดทะเบียนเพื่อให้รู้ที่มาที่ไป

​ในเรื่องอายุนั้น มาตรา 29 ระบุว่านักมวยที่จะจดทะเบียนเป็นนักมวยได้นั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ (เฉพาะนักมวยที่จดทะเบียนแล้วจึงจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นชกได้) อย่างไรก็ดี ในมาตรา 26 วรรคสอง ผู้จัดแข่งขันกีฬามวยอาจได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนโดยอาศัยกฎกระทรวงหากเป็นการจัดแข่งขันกีฬามวยบางประเภท (เช่น มวยน้ำที่นั่งชกกันบนลำไม้ไผ่ มวยชกกันพิเศษระหว่างเพศหรือวัย ฯลฯ) ยอมให้นักมวยที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีชกได้แต่ต้องมีอุปกรณ์ในการป้องกันความปลอดภัยในการแข่งขัน ช่องว่างนี้ทำให้เราเห็นเด็กๆ อายุน้อยชกกันให้เราเห็นในโทรทัศน์ แต่ก็ผิดกฎหมายอยู่ดีเพราะไม่เห็นมีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย

พ.ร.บ.ฉบับนี้มีข้อบังคับมากมายเพื่อให้กีฬามวยไทยเป็นไปอย่างเป็นระบบไม่มีการ “ทำนาบนหลังนักมวย” โดยเฉพาะ “หลังเด็ก” แต่ในทางปฏิบัติไม่มีใครรู้ว่ามีการบังคับใช้กฎหมายกันจริงจังเพียงใด อนึ่งรัฐมนตรีผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.นี้คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

​เด็กเป็นทรัพยากรของชาติในปัจจุบันและอนาคต เด็กที่เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 8-9 ปี หรือต่ำกว่ามีอยู่มากมายในค่ายมวยชนบท ซึ่งมีประมาณการว่าเป็นหมื่นๆ คน ซึ่งในจำนวนนี้จะเติบโตต่อไปเป็นนักมวยอาชีพและหาเงินทองเป็นกอบเป็นกำไม่เกินพันคน ในแต่ละช่วงเวลา 3-4 ปี จึงมีเด็กชกมวยหาเงินจนหัวน่วมเป็นหมื่นๆ คน แต่จำนวนมากมายกว่าต้องผิดหวังกลับไปทำงานด้วย IQ ที่ต่ำลงและรอระเบิดเวลาในร่างกายและมันก็จะวนเวียนอยู่เช่นนี้

ผู้ใหญ่จำนวนมาก (รวมทั้งผู้ดูอยู่ที่บ้านด้วย) ที่เข้าเวทีมวยนับร้อยแห่งในชนบทไทยที่มีเด็กต่ำกว่า 15 ปีชกกันไม่เว้นแต่ละวัน กำลังหาประโยชน์จากเด็กโดยพ่อแม่ไม่เข้าใจผลเสียต่อลูกในภายภาคหน้า เราจะยอมให้การเอาเปรียบอย่างนี้ดำรงต่อไปหรือครับ เด็กไทยของเราก็เกิดน้อยลงทุกทีอยู่แล้ว เราจะปล่อยให้คุณภาพลดลงตามปริมาณไปด้วยกระนั้นหรือ

เรารักษาและเชิดชูมวยไทยได้โดยให้เด็กฝึกฝนแต่ยังเล็ก แต่ต้องไม่มีการปะทะหรือลงนวมกันจนกว่าจะมีอายุ 15 ปีขึ้นไป