อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แบบดิจิทัลตัวจริง

อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แบบดิจิทัลตัวจริง

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่สามารถทำงานจากบ้านกันได้ ซึ่งหนีไม่พ้นต้องใช้สารพัดเทคนิคดิจิทัล มาเติมเต็มให้ชีวิตและการงานเดินหน้าไปได้

แม้จะไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ไม่ถึงกับยากลำบาก ขอแค่มีเน็ต มีคอมพิวเตอร์ มีสมาร์ทโฟนดีๆ อยู่ใกล้ตัว จะเสี่ยงโชคลุ้น 5 พันบาทก็ทำได้ เน็ตฟรีก็มีให้ลุ้นได้อีก จะกินข้าว ซื้อของทำได้ดั่งใจ แม้จะไม่ได้ของเร็วเท่ากับออกจากบ้านไปซื้อเองก็ตาม

แม้จะอยู่บ้าน แต่การงานต้องเดินต่อไป ผู้บริหารจึงเริ่มมองหาเครื่องมือมาช่วยให้งานเดินต่อไปได้ และเกือบทุกคนหันไปสนใจเครื่องมือดิจิทัลเพื่อการทำงานร่วมกันวันนี้ใครๆ ก็รู้จัก Microsoft Teams ใครๆ ก็รู้จัก Zoom ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ เท่าที่เห็นผู้บริหารใช้กันอย่างจริงจังก็แค่ประชุมกัน คุยกลุ่มกันผ่านจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน มีบางคนที่ใช้บริการอื่นๆ เสริมไปบ้างเช่น ใช้ยกร่างแก้ไขเอกสารร่วมกัน Microsoft Teams กับ Zoom ซึ่งเป็นของใหม่ที่เป็นที่รู้จักกันดีเมื่อมีโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ กลับกลายเป็นประเด็นถกเถียงของผู้บริหารไปจนได้ 

เมื่อฝรั่งบอกว่า Zoom ไม่เป็นส่วนตัว มีคนแอบเข้าไปในห้องประชุมได้ บันทึกการประชุมก็อาจหลุดไปที่นั่นที่นี่ได้ หลายคนที่เกิดมาไม่เคยใช้ Zoom สักครั้ง ก็ออกอาการเดือดร้อนประหนึ่งว่าเรื่องที่ท่านจะคุยกันในที่ประชุมนั้นเป็นความลับสุดยอด ท่านก็เลยลงเงินลงทอง ซึ่งว่าไปก็คงไม่ใช่เงินในกระเป๋าของท่านเอง แต่เป็นเงินขององค์กร ไปซื้อซอฟท์แวร์สำนักงานทั้งชุด เพียงเพื่อใช้ซอฟท์แวร์ประชุมเพียงตัวเดียว ซอฟท์แวร์ตัวใหญ่ยังต้องมีทีมงานไอทีมาทำหน้าที่แอดมิน ซึ่งทำกันเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ด้วยเหตุที่เป็นของใหม่ที่รีบร้อนซื้อมา ตามบัญชาของผู้ใหญ่ ถึงเวลาประชุม แอดมินก็ทำให้ทุกอย่าง ท่านเลยคิดไปว่าทุกอย่างง่ายไปหมด แต่วันหนึ่งก็อยากให้คนนอกองค์กรมาร่วมประชุมด้วย ซอฟท์แวร์ที่ว่าดูแลความเป็นส่วนตัวดีหนักหนานั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่คนนอกจะเข้ามาต้องยากหน่อย สุดท้ายแอดมินทั้งหลายเลยทำให้คนนอกกลายเป็นคนใน ซึ่งทีแรกกลัวจะถูกคนนอกแฮกตามที่ฝรั่งขู่ สุดท้ายคนนอกเข้ามาเป็นคนใน ใช้สารพัดอย่างในโปรแกรมชุดนั้น กลับไม่กลัว

เรื่องนี้บอกว่า อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แบบดิจิทัล ยังไม่ใช่ตัวจริง เป็นดิจิทัลแบบตามกระแส ถ้าเป็นตัวจริง ถ้าอยากให้ลูกน้องอยู่บ้านเพื่อชาติ ให้เขายังทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ถ้าเขาอดตายไปเสียก่อน คงช่วยชาติหลังโรคระบาดผ่านพ้นไปไม่ได้แน่ๆ ท่านลองหยิบสมาร์ทโฟนที่ซื้อมาแพงๆ มาดู ของแพงซื้อมาแล้วก็ใช้ไลน์ ใช้ดูเฟซบุ๊ค ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่าท่านใช้กูเกิ้ลอีกด้วย คงนึกได้ว่าสมาร์ทโฟนที่มีอยู่นั้น ยังมีแอปที่บังคับขายมาพร้อมเครื่องอีกหลายตัวที่เราเอามาใช้หารือการงานกันได้ ถ้านายใหญ่ก็ใช้ไอโฟน นายเล็กก็ใช้ไอโฟน แค่เปิดFacetime ก็คุยกันเห็นหน้าเห็นตากันได้แล้ว อยากแสดงสไลด์ก็เปิดกล้องหน้ากล้องหลังได้ ถ้าต่างคนต่างใช้Andriod ก็มีสารพัดแอปจากกูเกิลที่ใช้สำหรับทำงานร่วมกันได้ จะคุยกันแบบเห็นหน้าเห็นตาก็มีHangoutให้ใช้ หรือถ้าอยากประชุมกันครั้งละเป็นร้อยคน 

ซึ่งถ้าประชุมกันแบบบ้านเรา นายใหญ่ก็พูดสั่งการคนเดียวอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้แอปแบบ Zoom แบบ Teams แค่บันทึกวีดิทัศน์คำบัญชาของนายใหญ่ เก็บไว้ใน Cloud ที่ท่านของท่านว่ามั่นคงปลอดภัย แล้วส่งลิงค์แจกจ่ายไปตามอีเมลล์ของลูกน้องก็พอแล้ว หรือถ้าบอกว่าต้องการแบบโต้ตอบกันได้ ทั้งๆ ที่แต่เดิมก็ไม่มีลูกน้องคนไหนกล้าถามอะไรในการประชุมใหญ่ๆ อยู่แล้ว การประชุมดูเหมือนการบรรยายในชั้นเรียนเสียมากกว่า ท่านอาจจะใช้บริการใหม่ของไลน์เพื่อการนี้ก็ได้ หรือถ้าอยากได้แบบZoom แต่กลัวที่ฝรั่งขู่ไว้ ก็ลองใช้ WebEx แทนได้ เพราะที่จริงแล้วก็มีต้นทางเดียวกับZoom เพียงแต่ฝรั่งเป็นเจ้าของ แต่Zoom มีเจ้าของเป็นคนจีน

ชอบสั่งให้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ก็ขอได้โปรด อยู่อาคารบัญชาการ หยุดซื้อ เพื่อชาติกันบ้างเถอะ