“บิล เกตส์” ชน “โดนัลด์ ทรัมป์”

“บิล เกตส์” ชน “โดนัลด์ ทรัมป์”

คงทราบทั่วกันแล้วว่าบิล เกตส์และโดนัลด์ ทรัมป์เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน แต่แตกต่างกันมากในหลากหลายแง่มุม

บิล เกตส์เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและร่ำรวยมหาศาลจากการก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ตอนนี้เขามีทรัพย์สินราว 1 แสนล้านดอลลาร์แม้จะได้บริจาคให้แก่มูลนิธิเพื่อการกุศลของตนเองไปกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์แล้วก็ตาม เขาสนับสนุนการต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายมากว่า 20 ปี แต่ไม่สนใจเข้าไปพัวพันทางการเมือง

โดนัลด์ ทรัมป์ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ผสมผสานกับด้านบริการเป็นส่วนใหญ่ กิจการของเขาล้มละลายหลายต่อหลายครั้ง กระนั้นก็ดี เขายังมีทรัพย์สินราว 3 พันล้านดอลลาร์ ไม่มีรายงานว่าเขาเคยบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศล ตรงข้าม เขาใช้มูลนิธิเพื่อการกุศลของตนบังหน้าผันเงินไปใช้ในด้านส่วนตัวและด้านการเมือง เมื่อปลายปีที่แล้ว ศาลจึงสั่งปิดมูลนิธิของเขาพร้อมกับสั่งปรับเขาเป็นเงิน 2 ล้านดอลลาร์ เขาผันตัวมาเป็นนักการเมืองและประสบความสำเร็จสูงจนเป็นประธานาธิบดีมากว่า 3 ปีแล้ว

คงเพราะความแตกต่างดังกล่าวและประสบการณ์อันยาวนานในด้านการต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายของบิล เกตส์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อจึงพากันสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ประเด็นหลักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ความเห็นต่างระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคร้าย นั่นคือ โดนัลด์ ทรัมป์แสดงความประสงค์ว่าในราววันสุดสัปดาห์หน้าเขาจะสั่งลดความเข้มข้นของมาตรการป้องกันมิให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ขยาย ทั้งนี้เพื่อเอาใจฝ่ายนายทุน ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านโรคร้ายอ่านสถานการณ์ว่า ถ้าทำเช่นนั้นจะส่งผลให้คนตายนับล้านเพราะการระบาดของมันยังเพิ่มขึ้น บิล เกตส์ เห็นด้วยกับฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านโรคร้าย แต่คงมิใช่จุดยืนของเขาที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์เปลี่ยนใจและสั่งให้ใช้มาตรการเข้มข้นต่อไป

ในการให้สัมภาษณ์ บิล เกตส์ตอบคำถามตามหลักวิชาและประสบการณ์โดยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวพันกับด้านการเมือง เขาตอบคำถามเกี่ยวกับหลายเรื่อง ในจำนวนนี้มี 2 เรื่องที่น่าจะตระหนักกันให้มากที่สุด จึงขอนำมาเล่า

เรื่องแรกเกี่ยวกับการอ่านสถานการณ์ผิดของชาวโลก ซึ่งเขาพูดถึงหลายครั้งในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือ เขามองว่าปัจจัยที่จะทำให้ชาวโลกตายกันนับล้านในกาลต่อไป มิใช่สงครามระหว่างประเทศดังที่เรามักเชื่อกัน หากเป็นโรคร้ายจำพวกไวรัสโควิด-19 แต่ชาวโลกยังทุ่มเททรัพยากรจำนวนมหาศาลไปในด้านการเตรียมทำสงครามกับเพื่อนมนุษย์พร้อมกับซ้อมรบกันอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองแบบแทบนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกัน การลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมทำสงครามกับเชื้อโรคร้ายแทบไม่มีใครคิด จึงยังไม่มีการเตรียมกองทัพไว้สู้กับเชื้อโรคร้ายและไม่มีการซ้อมรบ เขามองว่ากองทัพทหารที่มีอยู่แล้วมีความเชี่ยวชาญทางด้านการส่งกำลังพลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วกับกองทัพสู้โรคร้ายต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคใหม่ฆ่าคนได้จำนวนมาก

เรื่องที่ 2 เกี่ยวกับธรรมชาติและความจำกัดของเทคโนโลยี เรื่องนี้บิล เกตส์ไม่ได้พูดโดยตรงแต่เราอาจดีความหมายได้จากข้อความที่เขาพูดเกี่ยวกับ 2 ประเด็น กล่าวคือ ในโลกนี้มีไวรัสนับล้านรวมทั้งในสัตว์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้ว่าตัวไหนจะกลายพันธุ์มาทำร้ายคน เช่น โควิด-19 และเทคโนโลยีจะไม่สามารถลดเวลาการค้นหาวัคซีนและยารักษาโรคอันเกิดจากไวรัสใหม่ได้เร็วกว่าที่ทำได้อยู่ในขณะนี้มากนัก เช่น ลดเวลาลงมาต่ำกว่า 12 เดือนเพราะการทดลงใช้กับคนกินเวลากว่าจะทำให้เราแน่ใจได้ว่ามันไม่เป็นอันตราย ฉะนั้น เราจำเป็นต้องรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเชื้อโรคร้ายใหม่เกิดที่ไหน นำมาวิจัยได้ทันทีพร้อมกับมีอุปกรณ์และโรงงานที่พร้อมจะนำมาประยุกต์ใช้สำหรับผลิตวัคซีนและยาใหม่ได้อย่างฉับพลัน

เป็นที่ยอมรับกันว่า บิล เกตส์มีมันสมองระดับอัจฉริยะและเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีสูงมาก ฉะนั้น มุมมองของเขาเรื่องการเตรียมทัพไว้รับโรคร้ายและความจำกัดของเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่ผู้บริหารบ้านเมืองควรใส่ใจและนำมาใช้เป็นฐานของการวางนโยบายของประเทศ