จดหมายถึงเพื่อนร่วมชาติ อนาคตไทยอยู่ในมือทุกคน

จดหมายถึงเพื่อนร่วมชาติ อนาคตไทยอยู่ในมือทุกคน

ในสถานการณ์โรคระบาดCovid -19 มีแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญหลายคน ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลและประชาชนมามากแล้ว ในการจัดการเพื่อยุติโรคระบาดร้ายแรงในครั้งนี้

แต่เนื่องจากการระบาดครั้งนี้ มันรุนแรง รวดเร็ว กว้างขวาง เพราะโรคมันอาศัยคนเป็นพาหะ พา Covid-19 เป็นเพื่อนร่วมทางไปโดยไม่รู้ตัวและคนก็ชอบเดินทางไปทั่วโลก จึงทำให้เชื้อนี้ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก

การระบาดครั้งนี้ก็ห่างจากการระบาดของไข้หวัดนก อีโบล่า ซาร์(SARS) มานาน จนพวกเราแทบทุกคน ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ของโรคระบาดเช่นนี้มาก่อน และโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ยังหายามารักษาได้ไม่เพียงพอ/ทั่วถึง ยังไม่มีเตียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยจำนวนมากพร้อมๆ กันและไม่มีอุปกรณ์การแพทย์พอที่จะรับมือกับผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและล้มตายของประชาชนจำนวนมากมายมหาศาล และหลายๆประเทศได้สรุปบทเรียนจากโรคระบาด Covid-19 ทั้งจากความสำเร็จและความล้มเหลวจากนานาประเทศทั่วโลก จนสรุปได้ในขณะนี้ว่า

การจะชะลอและหยุดยั้งการระบาดของโรคนี้ได้ สิ่งสำคัญที่สุด นอกจากการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน และบุคลากรสาธารณาสุขทุกสาขาวิชาชีพ ทุกคนแล้ว

ประชาชนทุกคนคือคนสำคัญที่จะช่วยหยุดการระบาดของ Covid-19 ได้

คนไทยทุกคนต้องช่วยกันเลือกอนาคตของประเทศไทยด้วยกันในสถานการณ์ของการระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทยในเวลาต่อไปนี้ว่าจะให้เป็นไปแบบไหน จะเลือกรักษาชีวิตตนเองและเพื่อนร่วมชาติไว้หรือจะเลือกให้โรคระบาดลุกลามฆ่าคนไทยให้ตายเป็นเบือต่อไป ขึ้นอยู่ที่คนไทยทุกคนจะเลือกได้ คือ

1.จะให้เป็นไปแบบจีน คือควบคุมการแพร่ระบาดได้ ภายในเวลา 3-4 เดือน หรือ

2.อยากจะเลียนแบบประเทศ อื่นๆ ที่มีคนป่วยและตายเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน จนไม่อยากจะนับจำนวนคนตายแล้ว เพราะเศร้าใจที่เห็นเพื่อนร่วมชาติตายกันเป็นใบไม้ร่วง?

เราคนไทยทุกคนยังมีโอกาสเลือกได้ตอนนี้ คือ เลือกว่าจะป้องกันโรค หรือจะรอจนเห็นโลงศพ แล้วจึงจะสำนึกซึ่งมันจะสายเกินไปแล้ว ถ้าจะเลือกเอาแบบที่ 1 คือจะปกป้องตัวเองและครอบครัวไม่ให้ติดโรคและเอาโรคไปแพร่ให้คนอื่น ต้องปฏิบัติตัวดัวต่อไปนี้ คือ

1.อยู่กับเหย้าเฝ้ากับ(เรือน)บ้าน เพื่อจะอยู่ให้ห่างจากผู้คนที่แม้จะรู้จักหน้า แต่ไม่รู้ว่าภายในเขามีไวรัสแอบแฝงอยู่ด้วยหรือไม่ เขาจะเอาเชื้อโรคมาแอบแจกให้เรา (โดยที่เราไม่อยากได้) หรือเปล่า ?

2.แต่ถ้าจำเป็นจะต้องออกไปจากบ้านก็ต้องสวมหน้ากาก เพราะโรคนี้มีพาหะนำโรคที่สำคัญคือ “คนทุกคน” และพาหะนำโรคนี้ก็เป็นเหยื่อของไวรัสด้วยคือล้มป่วยและตายเองด้วย ทุกคนจึงเป็นได้ทั้งเหยื่อ (เสี่ยงไปรับเชื้อโรคจากคนอื่นแล้วก็กลายเป็นคนป่วยเสียเอง) และเป็นได้ทั้งฆาตกรที่ฆ่าได้แม้กระทั่งตนเองและคนในครอบครัว

ถ้าเราเลือกแบบที่ 1 คือเลือกที่จะรักษาชีวิตไว้เราก็จะไม่เป็นโรค แต่ละครอบครัวก็ไม่ติดโรค หมู่บ้าน ชุมชน ประเทศชาติก็จะค่อยๆปลอดโรค เพราะคนติดชื้อรายใหม่จะค่อยๆลดจำนวนลง เหมือนในประเทศจีนที่ทำสำเร็จมาแล้ว

2.แต่ถ้าเราอยากจะเลือกแบบที่รอเห็นโลงศพก่อน ก็ทำตัวตามสบายเหมือนเดิม โดยไม่ป้องกันตนเองไม่ให้ออกไปรับเชื้อจากผู้อื่น ยอมไปเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ และยอมเป็นพาหะของไวรัส แล้วเอาเขื้อไปแพร่ให้ทุกคนที่ใกล้ชิด ยอมเป็นทั้งเหยื่อของไวรัสและยอมเป็นฆาตกร( โดยความประมาท) ถ้าทำแบบนี้ จำนวนคนติดเชื้อ คนป่วย และคนตายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทุกวันแบบที่เห็นมา ในประเทศอื่นและไทยก็จะดำเนินรอยตามแบบนี้

ถ้าคนไทยแต่ละคน และทุกๆคน จะเลือกแบบที่1 คือรักษาชีวิตเอาไว้ ก็ทำตามคำแนะนำของรัฐบาลในตอนนี้ คือ 

1.อยู่บ้าน อยู่ห่างจากผู้คนในสังคมจะได้ไม่ไปรับเชื้อจากคนอื่น หรือไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น

2.แต่ถ้าต้องออกนอกบ้านเพราะความจำเป็นของชีวิต ต้องไปอยู่ใกล้ผู้คน ก็ใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง และป้องกันคนอื่นด้วย

3.เมื่อกลับจากนอกบ้าน รีบ อาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ซักเสื้อผ้าเอาไปตากแดด อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อฆ่าเชื้อไวรัส

3.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นาน 20 วินาที อย่าจับหน้า จมูก ปาก ตา ตนเองถ้าไม่ได้ล้างมือ

4.ไม่ไปกินข้าวร่วมกับคนอื่น เพราะอาจได้กินน้ำมูกน้ำลายเขาปนมากับช้อน หรืออาหาร หรือน้ำลาย(จากการพูดคุย/หัวเราะ ที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อน) กระเด็นเข้าปาก จมูกหรือตาเรา

5.การอยู่บ้าน ไม่ได้ไปทำงาน อาจจะเครียด กังวล/หวั่นวิตกหลายเรื่อง ให้หางานในบ้านทำ เช่น จัดบ้าน ทำความสะอาดบ้านเรือน เล่นเกมส์ เล่นกับลูกหลาน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง คุยกับเพื่อนฝูงญาติมิตร(ทางไกล) ฟังธรรมะดีๆที่ไม่เคยมีเวลาฟัง ออกกำลังกาย เดิน วิ่ง เล่นโยคะ และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ (ถ้ากินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ให้กินวิตามินรวมวันลt 1 เม็ด)เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค งดสูบบุหรี่(เพราะบุหรี่ทำลายปอด)

ใครมีที่ดินบ้างก็ไปปลูกตันไม้ ไปดูแล/บำรุง รักษาต้นไม้ในบ้าน วาดรูป ร้องเพลง ทำขนม ศึกษาหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต ฯลฯ การหางานทำในบ้าน ใช้เวลากับงานอดิเรก จะช่วยให้วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเมื่อเชื้อโรคสงบ เราก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามที่ต้องการ แต่หลังจากนี้ หลายคนอาจจะเปลี่ยนใจ กลับมาชอบชีวิตที่สุข สงบ เรียบง่ายที่เราอาจจะค้นพบจากการได้ที่มีเวลาอยู่บ้านเราให้คุ้มค่า(บ้าน)ในช่วงโรคระบาดนี้ก็เป็นได้

แต่ถ้ายังไม่เชื่อฟังคือยังทำตัวตามสบายแบบที่ 2 รัฐบาลก็ควรต้องมีมาตรการบังคับให้ทำตาม เพราะรัฐบาลคงจะไม่ยอมให้คนไทยกลายเป็นทั้งเหยื่อและฆาตกร ฆ่าตนเองและคนอื่นด้วยความประมาทและดื้อดึงจากการไม่เชื่อฟังคำเตือนของรัฐบาล คือถ้าไม่ทำตาม ก็ต้องมีบทลงโทษตามมา เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน

โดย...

พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา

กรรมการแพทยสภา