ทรัมป์ คือ ประธานาธิบดีสหรัฐที่เหมาะสมที่สุด

ทรัมป์ คือ ประธานาธิบดีสหรัฐที่เหมาะสมที่สุด

ผมรู้จักโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งแรกจากการดูซีรี่ย์ที่มีชื่อว่า The Apprentice กับคุณแม่ตอนช่วงเด็กๆ ช่วงนั้นเองผมอยู่ประมาณ ป.5

ผมถือตัวเขาเป็นไอดอลในชีวิตผมตั้งแต่สมัยนั้น เพราะเราเอาเข้าจริงๆ เราก็อยากมีอย่างเขา อยากเป็นอย่างเขา หนังสือที่เขาเขียน Think Like A Champion เป็นหนังสือพัฒนาตนเองเล่มแรกๆ ที่ผมซื้อตั้งแต่สมัยผม 15 ปีจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เขามาโจมตีบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐ เมื่อตอน 2009 ตั้งแต่ให้เอาใบสูติบัตรของโอบามามาให้เขาดูหน่อย ว่าเกิดที่สหรัฐจริงหรือเปล่า และคอยโจมตี และบูลลี่ตัวของโอบามาตลอดช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็ไม่ได้ถือตัวเขามาเป็นไอดอลตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

8 ปีหลังจากนั้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น นั่นก็คือตัวของโดนัลด์ ทรัมป์ เองได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐคนที่ 45 ผมเชื่อว่าวันๆ นั้น ทุกคนทั่วโลกต่างค่อนข้างจะตะลึงกันพอสมควร ผมยังจำได้ดีในวันๆ นั้น ซึ่งเป็นเช้าวันพุธของบ้านเรา ที่ตัวเขาเองได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งฉีกโพลทุกโพลที่ประกาศว่านาง ฮิลลารี คลินตัน จะเป็นผู้ชนะในวันเลือกตั้ง ในคืนวันอังคารที่ผมอ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ระบุว่า ฮิลลารีมีคะแนนนำถึง 11 คะแนนในคืนก่อนวันเลือกตั้ง แต่ผมกลับไม่ค่อยแปลกใจ อาจจะเป็นเพราะว่าแนวทางของฝั่งเดโมแครตที่ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก หรือ อาจเป็นเพราะความมหัศจรรย์ที่ทรัมป์อาจจะเป็นประธานาธิบดีได้ อย่าลืมนะครับว่า สหรัฐ เคยมีผู้ว่าการรัฐเป็นนักมวยปล้ำมาแล้ว นั่นก็คือ เจสซี่ เวนทูร่า แห่งรัฐมินิโซต้า ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2003

ถามว่าสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากที่เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดี คือ ยกเลิกการเข้าร่วมสนธิสัญญา ทรานส์-แปซิฟิก พาร์ทเนอร์ชิพ (Trans-Pacific Partnership :TPP) ซึ่งเป็นสัญญาการค้าขายระหว่าง 11 ประเทศในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก อย่างออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก และมีประเทศที่อยู่ในแถบอาเซียนด้วย อย่าง สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และ บรูไน ซึ่งสนธิสัญญานี้ถูกเซ็นกันตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2016 ที่กรุงออคแลนด์ นิวซีแลนด์ ซึ่งจะให้ 4 ประเทศอาเซียน สามารถที่จะทำการค้ากับประเทศอื่นๆในสัญญานี้ได้อย่างเสรี ทำให้ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของการลงทุน การส่งออก และ เศรษฐกิจ ซึ่งการที่โดนัลด์ทรัมป์ หลังยกเลิกสัญญานี้ไม่กี่วัน ก็เป็นผลดีกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 4 ปีที่เขาได้ดำรงตำแหน่ง ก็ไม่ค่อยมีผลกับบ้านเรามากนัก อาจจะมีในบางวันที่เขาเขียนลงทวิตเตอร์ของตัวเองและทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำลงทุกที่ รวมถึงไทย แต่นอกนั้นผลงานของเขาก็อยู่ในประเทศตัวเองซะส่วนใหญ่อย่างเช่น ทำให้ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่อยู่ที่สหรัฐเป็น 4 บริษัทแรกที่มีมูลค่าสูงเกิน 1 ล้านๆ เหรียญ (Alphabet, Microsoft, Apple, Amazon) เศรษฐกิจอเมริกาดีขึ้นเป็นเทน้ำเทท่า GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วสูงขึ้น 4.2% เลยทีเดียว ทำให้เมืองลอสแอนเจลิสได้จัดมหกรรมโอลิมปิกในปี 2028 ทำให้อัตราคนว่างงานต่ำลงสุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งที่เจ๋งที่สุดที่ผมชอบมาก รองลงมาจาก TPP คือการเผชิญหน้ากันระหว่างตัวเขาเอง กับ คิมจ็อง-อึน ที่สิงคโปร์ และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำไว้ตั้งแต่แรกเหมือนดังคำพูดสโลแกนในตอนหาเสียงของเขาคือ “Make America Great Again”

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ถูกต้องเสมอไปอย่างการสมรู้ร่วมคิดกับประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนอย่าง โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (VolodymyrZelensky) ที่ให้ไปดักฟังโทรศัพท์ของอดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐ และ อนาคตผู้ชิงที่นั่งประธานาธิบดีคนใหม่จากฝั่งเดโมแครต อย่างโจไบเดน และลูกชายของเขา ฮันเตอร์ไบเดน ทำให้ถูกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐโหวตให้ออกจากตำแหน่งของการเป็นประธานาธิบดี ซึ่งเป็นคนที่ 3 ที่โดนโหวตออกต่อจาก ริชาร์ด นิกสัน และ บิล คลินตัน แต่สุดท้ายแล้วทางโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังได้เป็นประธานาธิบดีอยู่ หลังจากวุฒิสมาชิกลงมติไม่ผิดทุกข้อหา เรื่องนี้ผมมองว่าทรัมป์ผิดจริง เพราะมันคล้ายๆ คดี Watergate เลยที่เกิดขึ้นกับริชาร์ดนิกซัน แต่ถ้าเรามองอีกมุมมองหนึ่งคือ เรื่องแรกคือ ศัตรูของศัตรูคือเพื่อนของเรา นั่นก็คือยูเครนเป็นศัตรูกับรัสเซีย และถ้ายูเครนมาผูกพันธมิตรกับทางสหรัฐได้ จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายนี้ได้ผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการ เรื่องที่สองคือ เรื่องนี้อย่างน้อยทำให้รู้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ รู้จุดที่ตัวเองยืนอยู่ รู้ว่าพรรคตัวเองอาจจะเสียเปรียบในการเลือกตั้งรอบที่จะถึงนี้ ทำให้พยายามอย่างมากในการที่จะทำให้พรรคตัวเองไม่เสียเปรียบครับ

สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่า การเลือกตั้งรอบที่จะถึงนี้ สื่อต่างๆ ก็คงยังจะตีอยู่ดีว่า เดโมแครต ไม่ว่าจะเป็น โจไบเดน หรือ คนโปรดของผมลุงเบอร์นี่ แซนเดอร์ส ที่กำลังมาแรงในโค้งสุดท้ายของการเป็นผู้ท้าชิงให้กับทางฝ่ายเดโมแครต ที่ล่าสุดไปจับมือทาง ส.ส. อเล็กซานเดรีย ออกเคซิโอ่ คอร์เตซ (Alexandria Ocasio-Cortez) ส.ส. ไฟแรง ฝีปากกล้า ที่เคยทำให้มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ชะงักมาแล้ว ทั้งคู่จะเป็นตัวเต็งแน่นอนเหนือกว่าโดนัลด์ทรัมป์ ในโพลล์ต่างๆ และในสื่อต่างๆ ด้วย แต่ไม่ใช่เพราะทรัมป์เก่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังชัดเจน เด็ดขาด และใจถึง 

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีคนเกลียดเขามากมายขนาดไหนก็ตาม ผมก็เชื่อว่ายังไงๆ... ทรัมป์ ก็ยังมีสิทธิ์ชนะอยู่ดีครับ

โดย...

ทิวัตถ์ ชุติภัทร์

นักวิชาการอิสระ

www.facebook.com/kakaman22