ทำไมเอว่เฟยจึงต้องตาย? 2 เหตุผล ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์(จบ)

ทำไมเอว่เฟยจึงต้องตาย?  2 เหตุผล ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์(จบ)

พื้นฐานตระกูลและประสบการณ์ส่วนบุคคล ทำให้เจ้าโก้วขาดแคลนความรู้สึกมั่นคงเป็น อย่างยิ่งและมีความหิวกระหายในอำนาจทางทหารอย่างร้อนรน

ประเทศจินจับฮุยจงและชินจงเป็นเชลยขึ้นเหนือ ดวงเมืองของซ่งถูกฟันขาด ทำให้เกียรติภูมิเสียหายอย่างร้ายแรง ดังนั้นภารกิจของเจ้าโก้ว ไม่ซับซ้อนเลยนั่นก็คือ ฟื้นฟูศักดิ์ศรีคืนมา ต้องรวบรวมอำนาจทางทหารมา เพราะว่านี่คือพื้นฐานของการเจรจาสงบศึก

เมื่อการเจรจาสงบศึกประสบความสำเร็จ ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งจากจินและสืบต่อแผ่นดินของบรรพบุรุษ ความชอบด้วยกฏหมายของราชสำนักซ่งใต้ก็นับว่าได้มีการสถาปนาขึ้นใหม่แล้ว ราชสำนักเช่นนี้ย่อมต้องได้รับการยอมรับจากกลุ่มทหารตามที่ต่างๆ การไม่ยอมรับก็หมายถึงกบฏ เมื่อราชสำนักมีความมั่นคงแล้ว มีสนธิสัญญากันแล้ว การรบกันตามชายแดนก็จะไม่เกิดขึ้น และเป็นโอกาสในการลดทอนอำนาจทางทหารให้อำนาจกลับคืนสู่มือของราชสำนักตามแผนการของเจ้าโก้ว แล้วเงื่อนไขใดๆ ก็ยอมรับได้ ถ้าหากสามารถบรรลุเป้าหมายได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเจ้าโก้วเองไม่ได้มีความสามารถหรือฉลาดหลักแหลมอะไร จุดเริ่มต้นของเขาจึงไม่ใช่การฟื้นฟูแผ่นดินให้กลับสู่ที่เดิม แต่เป็นเพียงสักแต่ขอให้มีชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้น ความในใจของเจ้าโก้วนี้แหละที่ฉินกุ้ยหยั่งถึงได้โดยถ่องแท้ บุคคลนี้ไม่มีอุดมคติ ไม่มีเป้าหมายใหญ่โต ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำก็เพื่อสถานะของอำนาจ ดังนั้น เขาจึงตั้งตัวเป็นฝ่ายสงบศึกตามความคิดของเจ้าโก้ว ฉินกุ้ยจึงอ้างเอาการผลักดันนโยบายสงบศึกเพื่อสยบสมุหนายกและแม่ทัพนายกองที่เป็นฝ่าย ต้องการรบและบรรลุถึงซึ่งอำนาจทางการเมืองของตนให้ถึงระดับสูงสุด

ดังนั้น เจ้าโก้วและฉินกุ้ยจึงเป็นคู่สมคบคิดวางแผนเจรจาสงบศึกถึง 2 ครั้ง ที่สุดของที่สุด แล้วพวกเขาเพียงคิดรักษาดินแดนฝั่งใต้แม่น้ำแยงซีเกียง (เจียงหนาน) โดยเอาเกียรติและความอัปยศส่วนบุคคลอยู่เหนือความอยู่รอดของประชาชาติ แต่เอว่เฟยยึดถือความอยู่รอดของประชาชาติสำคัญกว่าเกียรติหรือความอัปยศส่วนบุคคล

รูปปั้น “เอว่เฟย” แม่ทัพแห่งราชวงศ์ซ่ง ตั้งอยู่ภายในอนุสรณ์สถาน Tomb of General Yue Fei” ใกล้ทะเลสาบซีหู กลางเมืองหางโจว เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมแห่งความซื่อสัตย์ จงรักภักดี แต่กลับต้องสิ้นชีพเพราะสนองความต้องการขุนนางกังฉิน

เอว่เฟยอยู่ที่จูเซียนเจิ้น (22.5 กม. ทางตะวันตกเฉียงใต้ขอองไคฟง) ได้รับพระป้ายถึง 12 ครั้งให้ถอนทัพ ซึ่งมีพระบรมราชโองการให้ถอนทัพโดยพลันและไปเข้าเฝ้าที่เมืองหลวงหลิงอัน (临安 หรือหางโจวปัจจุบัน) ในตอนนั้นหวันเหวียนอู้จู๋ได้หนีออกจากไคฟงไปแล้ว ชาวบ้านที่เหอหนานรบเร้า ขอร้องให้เอว่เฟยอยู่ต่อไปแต่ก็ไม่มีทางเลือก เอว่เฟยหยิบพระป้ายให้ดูแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ควรอยู่ต่อไป”

ในระหว่างทางที่เอว่เฟยลงใต้ หวันเหวียนอู้จู๋กลับเข้าเหอหนานอีกครั้งหนึ่ง ดินแดนที่ได้คืน แล้วก็ต้องสูญเสียไปอีกครั้งหนึ่ง เอว่เฟยแหงนหน้ามองท้องฟ้าร้องไห้ว่า “ทุกแคว้นได้มา หายวับทันใด ประเทศบ้านเมือง ยากจะฟื้นฟู ฟ้าดินโลกา หมดทางกลับคืน”

หลังจากกลับถึงหลิงอันแล้ว เอว่เฟยกลายเป็นเงียบขรึม พูดน้อย ไม่พูดเรื่องทะเยอทะยานอีก หวังแต่จะขอลาออกกลับภูมิลำเนาเดิม ใจเขาท้อแท้ไม่ได้มีความหวังอะไรอีก เจ้าโก้วในตอนนั้นยังคง รั้งเอว่เฟยเอาไว้ไม่ยอมให้ลาออกโดยให้เหตุผลว่าสงครามยังไม่สิ้นสุด คำพูดเช่นนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเจ้าโก้วต้องการรักษาราชสำนักเจียงหนาน แต่ก็ต้องการมีสุนัขและนกอินทรีย์ที่ซื่อสัตย์ แต่ว่าความสำเร็จของเอว่เฟยทำให้เขาอยู่คนละฝั่งกับเจ้าโก้ว

ในปี 1141 หวันเหวียนอู้จู๋ส่งหนังสือถึงฉินกุ้ยว่า “ต้องฆ่าเอว่เฟย สงบศึกจึงจะเป็นไปได้ ตราบใดที่เอว่เฟยยังมีชีวิต หวันเหวียนอู้จู๋เกรงว่าจะถูกใช้งานอีกไม่วันใดก็วันหนึ่ง ฝั่งหนึ่งเป็นเอว่เฟย ฝั่งหนึ่งเป็นราชสำนักกับอำนาจทหาร เจ้าโก้วและฉินกุ้ยก็ไม่ยากที่จะเลือก หานซื่อจง จางจวิ้น เอว่เฟย ต่างถูกถอดออกจากกองทัพพร้อมกัน ที่จริงแล้ว หานซื่อจงก็จะต้องตายแต่เอว่เฟย ส่งข่าวให้เขามีโอกาสเข้าไปร้องห่มร้องไห้ในวังจึงได้รอดชีวิตมาอย่างไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่เอว่เฟยไม่มีโอกาสดีเช่นนั้น เขามีความสามารถมากเกินไป ถ้าเขาไม่ตายก็ไม่มีทางสงบศึก ถ้าไม่สงบศึก ฉินกุ้ยก็จะอยู่ไม่เป็นสุข บ้านเมืองของเจ้าโก้วก็จะเปรียบเสมือน 镜花水月:ดอกไม้ในกระจกหรือ ดวงจันทร์ในน้ำที่จับต้องไม่ได้

เอว่เฟยถูกส่งเข้าเรือนจำในเดือนตุลาคม การสอบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรเสียก็ไม่อาจค้นหาหลักฐานที่แสดงว่าเอว่เฟยคิดกบฏ เมื่อหมดหนทางก็ต้องใช้ข้อหา “ไม่จำเป็นต้องมี” แทน กษัตริย์ฆ่าคนยังจำเป็นจะต้องมีเหตุผลอีกหรือ? เมื่อเอว่เฟยตายแล้ว อุปสรรคของการสงบศึกก็ไม่มีอีกต่อไป

ฉินกุ้ยได้รับชัยชนะในการต่อสู้ทางการเมือง และอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 14 ปี ส่วนเจ้าโก้ว ก็ลงหลักปักฐานได้แล้วและมีชีวิตต่อไปอีก 46 ปี ล้วนเป็น 千年王八万年龟 (กษัตริย์พันปีเต่าแปดหมื่น ปีหรืออยู่ทนนั่นเอง) ในที่สุดแล้วเอว่เฟยตาย ไม่ได้ด้วย EQ ต่ำ แต่เป็นสิ่งสังเวยของการต่อสู้ทางการเมือง ทัศนคติต่อความอยู่รอดของประชาชาติของเขาขวางทางเกียรติยศส่วนบุคคลของเจ้าโก้ว และฉินกุ้ย ใช้ชีวิตของตนเองและอนาคตของชาติบ้านเมือง ปูทางสู่สวรรค์ให้แก่เจ้าเหนือหัวและข้ารับใช้ทั้งหลาย

ทั้ง 2 คนนี้ก็คงรู้ว่าเอว่เฟยตายโหง คำว่า “เอว่” (岳)จึงแสลงและฝังใจ แม้กระทั่งเปลี่ยน “เอว่โจว”(岳州) ให้เป็น “ฉุนโจว” (纯州แปลว่าใสสะอาด) นี่ไม่ใช่วัวสันหลังหวะหรอกหรือ? 

เมื่อเอว่เฟยตายแล้ว พัสดีเว่ยซุ่น (隗顺) แบกร่างของเขาออกนอกเมือง ฝังไว้ที่ข้างศาลเจ้า จิ่วชวีฉง (九曲丛祠) ที่ประตูเมืองเฉียนถังเหมิน (钱塘门) ความลับนี้เว่ยซุ่นไม่แพร่งพรายเลยทั้งชีวิตจวบจนก่อนตายจึงได้บอกให้ลูกชายทราบ ปี 1162 ซ่งเซี่ยวจงรื้อฟื้นความยุติธรรมให้แก่ เอว่เฟย ลูกชายของเว่ยซุ่นจึงได้แจ้งต่อราชสำนัก เอว่เฟยจึงได้พักอย่างสงบในดินหลังจากเสียชีวิตไป 21 ปี ราชสำนักโปรดให้ฝังไว้ที่ซีเสียหลิ่ง (栖霞岭) มุมตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบซีหู

หลังจากนั้นเป็นพันปี ธูปเทียนในศาลของเอว่เฟยสว่างไสวมิได้ขาด ในที่สุด มันก็ลงเอยที่ว่า ผู้อุทิศเพื่อส่วนรวมย่อมเป็นอมตะ ผู้ทำเพื่อส่วนตัวย่อมอยู่เพียงชั่วครู่ยาม ด้วยเหตุดังนี้ เอว่เฟยของราชวงศ์จึงเป็นเอว่เฟยของจีน