ในสภาพปกติ หลายคนเหน็ดเหนื่อยกับการตะเกียกตะกายเดินทางฝ่าการจราจรที่ติดขัดแสนสาหัส ไปส่งลูกเรียนหนังสือ
ก่อนตะกายไปต่อให้ถึงสำนักงานทั้งเช้าทั้งเย็น บางคนใฝ่ฝันถึงโฮมออฟฟิศว่าถ้าฉันมีบ้างชีวิตฉันคงดีขึ้นแน่นอน แต่เมื่อวันหนึ่งความลำบากทุกอย่างที่คุ้นเคยกลับหายไปในพริบตาจากวิกฤติโรคระบาดที่มาจากบ้านอื่นเมืองอื่น ที่บ้านเราเผลอปล่อยให้เข้ามาจนทำท่าจะกระจายไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทางการเลยช่วยทำให้ความหวังที่จะมีโฮมออฟฟิศของบางคนกลายเป็นความจริง
จากขั้นตอนการป้องกันโรคระบาดโดยให้ผู้คนอยู่ในบ้านของตนเองมากขึ้น ออกไปข้างนอกน้อยลง มีการจำลองเหตุการณ์แล้วพบว่าถ้าอยากลดการระบาดให้ยังเหลือคนที่ไม่เจ็บ ไม่ป่วย เป็นจำนวนมากๆ ต้องลดการเดินทางลงเหลือแค่ 1 วันต่อ 1 สัปดาห์ต่อคน คืออยู่ทำงานที่บ้านไป 6 วันออกไปทำกิจธุระต่างๆ นอกบ้านแค่วันเดียว
แต่การทำงานที่บ้านเพื่อหนีภัยโรคระบาดไม่ได้สบายเหมือนกับที่เคยคาดคิดกันไว้ กับโฮมออฟฟิศความเหนื่อยยากจากการเดินทาง ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดที่ลดลงไป แทบเทียบไม่ได้กับความกังวลสารพัดเรื่องที่ไหลหลั่งมาจากเครือข่ายสังคม จากการรับรู้ว่าคนนั้นอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง คนนั้นเคยมาในพื้นที่ของสำนักงานของฉัน แถมบ้านยังทำท่าว่าจะกลายเป็นโฮมสกูลไปพร้อมกันอีกด้วย เพราะโรงเรียนก็ปิดไปพร้อมๆ กับที่บริษัทบอกให้เปลี่ยนมาทำงานที่บ้านแทนการไปสำนักงาน
เมื่อโฮมออฟฟิศกับโฮมสกูลมารวมกันที่บ้านของเรา คนหนุ่มสาวที่เริ่มตั้งต้นครอบครัวกันมาไม่นาน ลูกเต้ายังเรียนหนังสือกันอยู่ โรงเรียนภาคฤดูร้อนก็คงหายไปด้วย ทำอย่างไรคุณพ่อคุณแม่หนุ่มสาวจะสามารถเป็นพนักงานชั้นดีพร้อมๆ กับเป็นพ่อบ้านแม่บ้านที่ดีในวันเวลาที่ต้องลดทอนการเดินทางออกนอกบ้านเพื่อรับมือโรคระบาด ซึ่งจะทำให้ดีได้นั้นใจต้องมาก่อนจิตต้องไม่ตกให้คิดบวกไว้ก่อนว่าไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร สักวันหนึ่งสิ่งที่คุ้นเคยก็จะกลับมา เพียงแค่จะช้านานแค่ไหนเท่านั้น จิตตกท้อถอยเมื่อใดเรื่องเล็กเรื่องน้อยในบ้านจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปหมด
พยายามรักษาวิธีการทำงานตามขนบธรรมเนียมที่เคยกระทำกันอยู่ในสำนักงาน เคยใช้เวลานินทาเจ้านายก็ให้กระทำต่อไป เพียงแต่ไม่ใช่การจับกลุ่มนินทาในห้องกาแฟ กลายเป็นการร่วมประชุมทางไกลแบบเห็นหน้าเห็นตากัน เพื่อจำลองให้บรรยากาศการทำงานแบบเวอร์ชวล ใกล้เคียงกับการทำงานในสำนักงานพยายามเห็นหน้าเห็นตากันให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ อย่าเอาแต่ใช้ไลน์แชทคุยกันจนกระทั่งแทบทุกเรื่องฉันแชทกันท่าเดียว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อวันหนึ่งที่ทุกอย่างดีขึ้น เราจะกลับไปใช้ชีวิตในสำนักงานได้เหมือนเดิมหลังจากการทำงานแบบเวอร์ชวลที่อาจนานเป็นแรมเดือน
จัดตารางเวลาทำงานให้สำนักงานเหมือนกับที่เคยทำ โดยเอาเวลาเดินทางที่ได้คืนมา ซึ่งเวลาที่ได้คืนมานั้นส่วนใหญ่จะคืนมาหลายชั่วโมงต่อวัน เอาเวลานั้นมาดูแลตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง มาให้เวลากับการฝึกฝนทักษะการเรียนรู้ให้กับลูกเล็กๆ ที่โรงเรียนฝากเอาไว้ที่บ้าน ซึ่งไม่ใช่สอนหนังสือให้ลูกเล็กเด็กแดงตามตำราของโรงเรียน แต่เป็นการฝึกฝนให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์ ถ้าเป็นเด็กโตหน่อยก็ใช้เรื่องโรคระบาดเป็นกรณีศึกษาเรื่องภาวะผู้นำ การมองปัญหาในองค์รวม การรับมือวิกฤติอย่างมีภาวะผู้นำ เป็นต้น วันหน้าลูกเติบใหญ่จะได้ไปเป็นผู้นำที่ดีในยามวิกฤติ
ใช้วันเวลาในช่วงวิกฤตินี้ ค้นหาอะไรที่ดีๆ ให้กับตนเองและครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ท่ามกลางสารพัดข้อจำกัด อย่าหมดเวลาไปกับการหงุดหงิดกับข่าวสารที่ดูสิ้นหวัง แต่ให้เอาเวลานั้นเปลี่ยนมาใช้ความคิดสร้างสรรค์หาทางทำอะไรใหม่ๆ สำหรับตนเองและครอบครัว แทนที่จะหมดเวลาไปกับความหวาดวิตกว่าโรคภัยไข้เจ็บจะมาใกล้ตัวมากเพียงใด ให้หาคำตอบให้ตัวเองว่าให้ได้ว่าในวิกฤตินี้ฉันจะได้อะไรดีๆ ขึ้นมาบ้าง
ไม่มีใครรู้ว่าเราและครอบครัวต้องอยู่กับสภาพย่ำแย่นี้อีกนานแค่ไหน และไม่มีใครบอกได้ว่าจะมีอะไรตามมาหลังโรคระบาดเบาบางลงไป ปลายอุโมงค์อาจไม่ใช่แสงสว่างแบบที่เราเคยเจอะเจอมาก่อนก็ได้ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นขอให้ยิ้มได้ว่ายังมีเรื่องดีท่ามกลางวิกฤติ