สำรวจและปรับพอร์ตช่วงโควิด

สำรวจและปรับพอร์ตช่วงโควิด

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุก ๆท่าน ช่วงนี้ทุก ๆท่านคงเสพแต่ข่าวของการแพร่ระบาดของโควิดกันตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงสื่อโซเชียลกันตลอดวัน

วันนี้เราลองมาสำรวจดูว่าพิษสงของโควิด นอกจากที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ตลอดจนสร้างวิกฤติจนหลายประเทศต้องงัดมาตรการต่าง ๆเพื่อรับมือกับโรคดังกล่าว พอร์ตการลงทุนของเราจะได้รับผลกระทบอย่างไร แล้วเราจะเตรียมรับมือกับมันได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราลองมาดูผลกระทบกับภาพผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่าง ๆกันดูก่อนนะครับ ซึ่งผมได้ลองคำนวณตัวเลขผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา พบว่าสินทรัพย์ที่เราลงทุนกันไม่ว่าในและนอกประเทศต่างปรับตัวลดลงอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น SET Index ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ใกล้ ๆ 1000 จุดหรือปรับตัวลดลงกว่า 33%  ในขณะที่ผลตอบแทนจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆวัดจากดัชนี REIT ของตลาดหลักทรัพย์ที่เคยเป็นพระเอกเพราะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีมาตลอดเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ก็ปรับตัวลงเช่นกันไปถึง 20.76% ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ ศูนย์การค้า โรงแรม สนามบิน ธุรกิจการจัดประชุมต่าง ๆ แต่ยังสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเช่นกัน

ในชณะที่ผลตอบแทนของการลงทุนในตราสารหนี้ตั้งแต่ต้นปียังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกอยู่ 0.96% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการหลบจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า แต่ด้วยพิษของโควิทก็ส่งผลต่อการลงทุนให้หุ้นกู้ภาคเอกชนเช่นกันที่บางวันให้ผลตอบแทนที่ติดลบ โดยนักลงทุนเกิดความกังวลต่อความสามารถของบริษัทเอกชนจึงต้องการหลบเลี่ยงหรือต้องการผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงดังกล่าว

ด้านการลงทุนในต่างประเทศนั้นก็ได้รับผลกระทบในทางลบเช่นกัน โดยผลตอบแทนของดัชนี MSCI World ติดลบถึง 28% ตั้งแต่ต้นปี ประเทศแรก ๆที่ได้รับผลกระทบก่อนก็คือจีน ในขณะที่ในช่วงต้นของการแพร่ระบาดนั้นยุโรปและอเมริกายังไม่ได้รับผลกระทบ ต่อมาเมื่อการแพร่ระบาดได้ลุกลามออกไปและยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ง่าย ตลาดหุ้นจึงปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่ารัฐบาลและธนาคารกลางจะออกมาตรการต่าง ๆเพื่อมาช่วยเหลือแล้วก็ตาม

สินทรัพย์ที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพียง 1.1% คือทองคำ แต่หากดูความผันผวนในช่วงเดือนที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าอยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน มาดูอีกสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบเช่นกันซึ่งก็คือน้ำมัน (รวมไปถึงหุ้นที่มีรายได้อิงกับราคาน้ำมัน) ซึ่งได้รับผลกระทบจากความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง (รวมถึงการตกลงกันไม่ได้ของกลุ่มโอเปค) ทำให้ราคาปรับร่วงลงมาอย่างรุนแรงและต่ำสุด ถ้าผมจำไม่ผิดจะต่ำกว่าตอนช่วงวิกฤติซับไพร์มอีก โดยตั้งแต่ตันปีมาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 60%

แล้วเราจะรับมืออย่างไรในช่วงวิกฤตินี้ ซึ่งก็คงเหมือนกับวิกฤติที่ผ่านๆ มาเพียงแต่ในครั้งนี้เรายังไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ จะจบอย่างไร จะขยายวงไปอย่างมากหรือไม่ ดังนั้นการลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจึงเป็นการลดความรุนแรงจากการขาดทุนหรือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นได้ โดยหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นเงินสด กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น การทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงโควิด สินทรัพย์ถัดมาที่เราอาจจะเริ่มทยอยถือครองเพื่อลงทุนเอาผลตอบแทนจากเงินปันผล เช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรีทส์ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด เป็นต้น หรือช่วงนี้ก็จะเป็นฤดูของการจ่ายปันผลเราอาจถือครองหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่สูงได้เช่นกัน  ในขณะเดียวกันก็เริ่มสำรวจตัวเลขดัชนี VIX เพื่อคอยดูว่าเมื่อไหร่ความกลัวของนักลงทุนจะเริ่มหมดไปเราถึงจะเริ่มกลับสู่ภาวะการลงทุนแบบปกติได้สักที

ท้ายสุดนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขและโชคดีในการลงทุนครับ