ผู้สูงวัยกับ "breaking point"

ผู้สูงวัยกับ "breaking point"

ปกซอง DVD ภาพยนตร์เรื่อง A Fall from Grace เขียนว่า “Every woman has a breaking point”

ทำให้อยากรู้ว่า breaking point นี้คืออะไร “จุดระเบิดของอารมณ์” หรือ“จุดที่ทำให้แตกหัก" ฯลฯ แต่เมื่อดูแล้วจึงรู้ว่าความหมายแตกต่างออกไปอย่างเป็นอุทาหรณ์แก่หญิงสูงวัยทั้งหลายหรือแม้แต่ชายก็เถอะ

ภาพยนตร์ตื่นเต้นเกี่ยวกับฆาตกรรมเรื่องนี้ใหม่เอี่ยมมากเพิ่งลงโรงเมื่อต้นปี 2020 ในอาทิตย์แรกมีคนดูถึง 26 ล้านคน มันเป็นเรื่องของหญิงสูงวัยกับความรักและฆาตกรรมซึ่งนำไปสู่ A Fall from Grace หรือการร่วงหล่นจากความมีสง่าราศี” ตามสคริปต์ที่มีคนเขียนไว้

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีข่าวดังว่า ผู้หญิงชื่อGrace Waters ฆ่าสามีหนุ่มอย่างเลือดเย็น โดยใช้ไม้เบสบอลตีจนน่วมอย่างทารุณ เธอรับสารภาพว่าทำจริงและไม่ต้องการต่อสู้คดีทนายความที่รัฐจัดให้ก็สงสัยว่าทำไมจึงยอมง่ายๆเช่นนั้นเธอจึงสืบสวนและพบความจริง

Graceเป็นหญิงหม้ายในวัยกลาง 50 ที่เลิกกับสามีแล้วหลายปีเพราะเขาทิ้งไปแต่งงานกับเลขานุการ เธอมีลูกชาย 1 คนที่รักมาก แต่ระยะหลังก็ห่างเหินกันไปเพราะเขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เธอไม่ชอบ(เขาสมควรจะได้ผู้หญิงดีกว่านี้) เธออยู่บ้านใกล้กับหญิงหม้ายในวัยใกล้เคียงกัน ซึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ Grace ชอบพอกับ Sarah มาก เพราะมีพื้นฐานชีวิตและเป็นคนผิวสีเหมือนกัน คุยกันทุกวันจน Grace ถือเป็นเพื่อนสนิท

ทั้ง 2 จัดได้ว่ามีฐานะดี Grace ภูมิใจในบ้านเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปีของเธอที่ใช้เงินจากการทำงานที่ธนาคารมายาวนานมาบูรณะจนงดงาม เธอคิดว่าเธอมีความสุขเพราะงานก็มีทำ ลูกชายก็ดี บ้านก็งดงามแต่เธอใจหายกับวัยที่สูงขึ้นและถวิลหาวัยหนุ่มสาว บางครั้งไม่เชื่อว่า วัยหนุ่มสาวมันผ่านไปแล้ว เธอสงสัยว่าวัยหนุ่มสาวของเธอหายไปไหน เธอได้มีความสุขกับมันหรือไม่ เพียงใด ทำไมมันจึงหายไปรวดเร็วนัก

ความสงสัยและการถวิลหาสิ่งที่หายไปขยายมากขึ้น เพราะ Sarah ก็เห็นอย่างเดียวกันและบอกว่าหน้าตาเธอขาดความสุข ควรที่จะออกไปรู้จักหนุ่มๆ บ้าง ชีวิตจะได้เติมเต็ม Grace บอกว่าไม่เคยออกไปไหนกับใครเลยตั้งแต่เลิกกับสามี เพราะคิดว่าตัวเองแก่แล้วใครจะมาสนใจ Sarah ก็คะยั้นคะยออยู่เสมอ จนวันหนึ่งเธอเอาบัตรเชิญงานแสดงภาพถ่ายมาให้และบอกว่าให้ไปให้ได้ Grace ก็ไปและพบเจ้าของภาพถ่ายเป็นหนุ่มในวัย 30 หน้าตาดี แขวนคอด้วยเครื่องรางที่ได้จากการไปถ่ายภาพในเอธิโอเปีย ผิวสีเหมือนกันและเขาสนใจในตัวเธออย่างออกหน้า

หนุ่ม Shanon ตามตื้อ จีบGrace เอาใจเธอทุกอย่างอยู่หลายเดือน เขารู้ใจเธอไปเสียทุกอย่าง มีรสนิยมตรงกันราวสวรรค์ส่งมา Shanon ปรนนิบัติตามใจเธอเขาเป็นทุกอย่างที่สามีเธอไม่เคยเป็น จากความคิดครั้งเดิมว่าพอกับชีวิตรักแล้ว เธอก็เริ่มใจอ่อนรักเขาเต็มหัวใจ ยอมนอนกับเขา และGraceก็พบว่าชีวิตนี้เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากอยู่กับ Shanon ถึงแม้วัยจะต่างกันเหมือนแม่ลูก

ภายหลังการฆาตกรรมเธอเล่าให้ทนายฟังว่า เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะมีความสุขในทุกเรื่องมากกว่านี้อีกได้ยกเว้นอย่างเดียวว่ามันเป็นความโง่เง่าของเธอเองที่ไม่คิดว่าสิ่งชั่วร้ายจะเกิดกับตัวเธอเองได้

Grace แต่งงานกับSahnon อย่างมีความสุขราวกับอยู่บนสวรรค์ แต่ไม่นานก็ตกนรกเพราะธนาคารไล่เธอออกจากงานเนื่องจากพบว่าเธอยักยอกถอนเงินออกไปด้วยพาสเวิร์ดของเธอเองเป็นเงินกว่า 4 แสนเหรียญ เธอมึนงงเพราะไม่เคยทำ ไม่ว่าจะโต้เถียงอย่างไรหลักฐานก็หนักแน่น ความมึนงงยังไม่ทันหายเธอก็พบว่าบ้านแสนรักของเธอมีคนเอาไปจำนองเป็นเงิน 6 แสนเหรียญในชื่อของเธอ

เมื่อหายตกใจเธอก็รู้ว่าหมดตัว นั่งคิดดูก็เห็นภาพว่า มันได้เกิดอะไรขึ้น เธอจึงทวงเงินจาก Shanon และก็มีปากมีเสียงกันเป็นครั้งแรก เธอถูกทำร้ายร่างกาย ท่าทาง Shanon ก็ผิดไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ(หรืออวัยวะอื่นที่ใกล้เคียงกัน) เขาเอาผู้หญิงมานอนที่บ้านอย่างไม่เกรงใจเธอ

วันหนึ่งหลังจากทะเลาะกันและเขานั่งหันหลัง สั่งเธอราวกับทาส เธอก็ตัดสินใจเอาไม้เบสบอลฟาดShanonจากข้างหลัง ตีจนเลือดท่วมตัว มั่นใจว่าตายแน่ และขับรถออกไปตอนกลางคืนอย่างคิดไม่ตก เธอโทรมาสารภาพกับSarahว่า ฆ่า Shanon และให้ไปแจ้งตำรวจ แต่เมื่อตำรวจไปก็ไม่พบศพ เธอจึงมอบตัวและสารภาพโดยไม่ขอสู้คดีเพื่อคุ้มครองลูกชายเพราะมั่นใจว่าลูกชายเธอเป็นคนเอาศพไปทิ้ง

อย่างไรก็ดี ในที่สุดทนายก็พูดจาหว่านล้อมเธอจนยอมต่อสู้คดี ในศาล Sarah ให้การว่า Grace โทรมาสารภาพว่าฆ่า Shanon ระหว่างที่ Sarah เดินออกจากศาล Grace ก็เห็นสิ่งที่ทำให้เธอตะลึงและตาสว่างขึ้นมาทันที นั่นก็คือ Sarah แขวนเครื่องรางที่ Shanon เคยแขวน

ทนายของเธอตามไปหา Sarah ที่บ้านก็พบหญิงชราคนหนึ่งอยู่ที่บ้านเธอเล่าว่าเธอหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีอะไรเหลือในชีวิตและถูกขังไว้ในบ้าน ทนายจึงขึ้นไปชั้นบนก็ถูกหนุ่มคนหนึ่งจับมัดไป ขังไว้ เจ้าหนุ่มคนนี้ก็คือShanonและSarahก็คือแม่ของเขาทั้ง 2 สมคบกันและทำแบบนี้มาหลายรายแล้ว โดยมีเป้าหมายคือหญิงหม้ายที่มีฐานะ ไม่มีลูกหลานใกล้ชิด เหงาขาดคนใกล้ชิด อยู่ในสภาพจิตใจของ “ความสงสัย” อีกทั้งถวิลหาและเสียดายวัยหนุ่มสาวที่หายไป

ผมชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะมันสอนให้รู้ว่าจะต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาเพราะมีคนจ้องจะ “เล่น” เงินเราอยู่เสมอ หากเราไม่ระมัดระวังก็จะเปิดช่องให้มันเข้ามาสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล “Fall from Grace” เกิดได้กับทุกผู้ทุกนามและมันมักเข้ามาทีละนิดอย่างเนียนๆ อย่างเข้าใจจิตวิทยาของเราคดีความในศาลเรื่องการโอนทรัพย์สมบัติและมรดกให้แก่คนนอกที่มาดูแลเอาใจ ทั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายและอย่างหลอกลวงมีให้เห็นอยู่เนืองๆ ที่ไม่ถึงโรงถึงศาลก็เพราะสมบัติมีไม่มากหรือเพราะความอายก็คงมีไม่น้อย

เรื่องต้มตุ๋นดังเช่นในภาพยนตร์สามารถเกิดขึ้นได้แม้กับคนที่มั่นใจในตัวเองสูงว่าเรื่องอย่างนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นกับตัวเพราะฉันเป็นคนฉลาดและรู้ทันคนมานานแล้วอย่างแน่นอนแต่อย่าลืมว่าความฉลาดและเก่งทันคนนั้นมันเกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาวและอยู่ในสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งแต่สภาพแวดล้อมใหม่ตอนสูงอายุอาจไม่เอื้อให้ฉลาดและทันคนอย่างเดิมก็เป็นได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกตรงต้องตีความเองว่า “Every woman has a breaking point.” หมายถึงอะไร(every manก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกันนัก)การเข้าใจตนเองที่ได้จากการคิดตีความประโยคนี้อาจช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยมากขึ้นกระมัง