ทิศทางราคาหุ้น-ทอง-กองตราสารหนี้

 ทิศทางราคาหุ้น-ทอง-กองตราสารหนี้

ในที่สุด WHO ได้ประกาศเมื่อค่ำวันที่ 11 มี.ค. 2563 ว่าไวรัสโควิด-19 ได้เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดไปทั่วโลก

 ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ดำดิ่งลงอีกครั้ง หลังการประกาศดังกล่าว โดยดัชนีดาวโจนส์ของสหรัสฯดิ่งลง 5.86% สู่ระดับ 23,553 จุด ตามมาด้วยดัชนีหุ้นของประเทศแถบเอเชีย ยุโรปในวันต่อมา ขณะที่หุ้นไทยได้ดิ่งลง 10.80% สู่ระดับ 1,114 จุด ตกจากระดับ 1,200 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี 3 เดือน

            ประเด็นที่ผู้ลงทุนในสินทรัพย์การเงินต้องเกาะติดเป็นพิเศษ คือประเทศต่างๆนอกจากจีน ที่กำลังมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะยาน จะสามารถควบคุมการขยายตัวของผู้ติดเชื้อใหม่ได้เมื่อใด เนื่องจากทุกช่วงเวลาที่ผ่านไปผลกระทบทางเศรษฐกิจโลก ที่เชื่อมต่อมาถึงเศรษฐกิจไทยก็จะพอกพูนขึ้นเป็นลำดับ

ขณะนี้เริ่มมีผู้พยากรณ์ GDP ปี 2563 ของไทยเหลือ 1.1% บ้างแล้ว ขณะที่คาดการณ์ EPS ตลาดหุ้นเริ่มมีผู้ปรับลดเหลือ 80 บาท

            การปรับลดคาดการณ์ทางเศรษฐกิจจะยังไม่สุดทาง ตราบเท่าที่อัตราขยายตัวของผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่ชะลอลง เช่นเดียวกับการลดคาดการณ์ ‘EPS’ ของบริษัทจดทะเบียน

            หากอิงจากกรณีการแก้ปัญหาการระบาดในประเทศจีน ที่ใช้เวลาอย่างเข้มข้นประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก็สามารถคุมการระบาดได้ หากประเทศอื่นที่ระบาดหนักเป็นชุดที่สองใช้เวลาการควบคุมพอๆกับจีน ก็อาจตัดตอนการระบาดให้ชะลอลงได้ประมาณครึ่งเดือนแรกของเมษายน

            ทั้งนี้หวังว่า คงไม่มีประเทศในชุดที่สาม ตามเข้ามาระบาดรุนแรงอีกนะครับ (รวมถึงประเทศไทยด้วย)

            ช่วงนี้ผู้ที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ยังคงได้ผลตอบแทนจากการลงทุนบ้าง เนื่องจาก Bond Yield ลดต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ NAV ของกองทุนขึ้นเร็วกว่าเดิม โดยมีความคาดหวังว่า แบงค์ชาติของประเทศต่างๆ คงต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกมาก รวมถึงธปท. ด้วยครับ ผมคิดว่าธปท. น่าจะลดได้อีก 2 ครั้งๆละ 0.25%

            ส่วนทองคำนั้น 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้ยกระดับราคาขึ้นมาประมาณ 15% มองระยะ 12 เดือนข้างหน้า ก็ยังน่าจะทำผลตอบแทนเป็นบวกต่อ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ลง แต่ในระยะ 1-2 เดือน ราคาทองคำคงมีการเหวี่ยงขึ้นลงราว 5% จากการที่ผู้ลงทุนในโลกขายทำกำไรบ้าง ซึ่งเป็นธรรมชาติของตลาดทองคำ

            สำหรับตลาดหุ้นไทยและโลกนั้น ช่วงนี้กระแสระยะสั้นทางลบอาจยังมีอยู่อีกระยะหนึ่ง แต่สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว  คงมีโอกาสได้เลือกหุ้นที่อนาคตธุรกิจยังแข็งแรงดี  P/E (ที่นักวิเคราะห์ปรับประมาณการใหม่ หลังเหตุการณ์ 12 มี.ค. 63) ต่ำๆ

            จังหวะที่ผมคิดว่า น่าจะทยอยเติมน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย และหุ้นโลกจากที่เคยแนะนำ (20% กับ 10%) น่าจะเป็นตอนที่อัตราการติดเชื้อใหม่รายวันชะลอตัวลง ในขณะที่ประเทศต่างๆ คงได้ทยอยกันออกมาตรการทางการคลัง ควบคู่กับมาตรการการเงินเพื่อประคองภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเป็นการจัดหนักถึงจะยันให้เศรษฐกิจไม่ถึงขึ้นตายสนิทครับ

            ถ้ามีครบทั้ง 2 กรณีคือ อัตราเพิ่มรายวันชะลอลงอย่างต่อเนื่อง กับต้องมีมาตรการช่วยเศรษฐกิจที่ต้องแรงจริง วิกฤตตลาดหุ้นก็จะจบลง เมื่อถึงเวลานั้น การ Rebound ก็มักดีดกลับได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับวิกฤตอื่นๆในอดีตครับ

          ช่วงนี้ตั้งหลักหาความรู้กันไปก่อนลองมาอบรมหลักสูตรหลักทรัพย์ต่างประเทศ FPI (การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ) เพื่อรอจังหวะการลงทุนที่จะมาถึง สามารถนับชั่วโมงต่ออายุได้ 3 ชั่วโมง สำหรับ นักวิเคราะห์ ผู้วางแผนการลงทุน ผู้แนะนำการลงทุนและเจ้าหน้าที่จัดการการซื้อขายด้านสินค้าเกษตร  วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2563 เวลา 8.30 - 12.30 น. โรงแรมเอส31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ (ต้องอบรม !! ตามเกณฑ์ก.ล.ต. สำหรับนักวิเคราะห์ ผู้วางแผนการลงทุน ผู้แนะนำการลงทุน และเจ้าหน้าที่จัดการการซื้อขายด้านสินค้าเกษตรที่ทำหน้าที่ ให้บริการแนะนำลูกค้าลงทุนในต่างประเทศ) ท่านละ 1,700 บาท รวมVat.  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายอบรม สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน 02-009-9292 ต่อ 3717 (นิ)