วิกฤตโควิค-19 ไม่มีโอกาสให้ 'รัฐบาล' ได้แก้ตัว

วิกฤตโควิค-19 ไม่มีโอกาสให้ 'รัฐบาล' ได้แก้ตัว

โดย..เทพจร

สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา อยู่ระหว่างปิดสมัยประชุม และจะกลับมาเปิดประชุมกันอีกครั้ง ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เคยมีไอเดีย จาก ส.ส.” และ ส.ว.” ให้เปิดสภาฯ สมัยวิสามัญ เพื่อใช้กลไกของสภาฯ เป็นพื้นที่ระบายความไม่พอใจของกลุ่มนิสิต นักศึกษา ที่จัดชุมนุมทางการเมือง และมีข้อเสนอต่อประเด็นให้เปลี่ยนผู้นำรัฐบาล, แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชนมีส่วนร่วม

แน่นอนว่ากลไกของการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนด สามารถทำได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ รัฐบาลต้องแสดงความยินยอมร่วมด้วย

แต่กรณีนี้เหมือนจะดูเงียบหายไปจากความเคลื่อนไหวของสภาฯ เพราะ “ชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ บอกให้ ส.ส.ใช้ช่องทางปรึกษาไปยังรัฐบาลโดยตรงกับปัญหาม็อบการเมืองของกลุ่มนักศึกษานั้น ล่าสุดมีความพยายามแก้ปัญหาจากฝั่งรัฐบาล ที่เหมือนจะไม่ต้องออกแรงอะไร เพราะมีเหตุการณ์ ระบาดของไวรัสโควิค-19 เป็นตัวช่วย ให้การชุมนุมของกลุ่มคนจำนวนมาก นั้นซบเซาไปตามสถานการณ์ระบาด

อย่างไรก็ดี ในการทำงานภายใต้สภาผู้แทนราษฎร ช่วงปิดสมัยประชุม คณะกรรมาธิการสามัญ​และ คณะกรรมาธิการวิสามัญ​ที่แต่งตั้งยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามภารกิจและหน้าที่ที่ยังไม่จบสิ้น โดยปัญหาระบาดของไวรัสโควิค-19 นั้น มีหลายกรรมาธิการฯ พยายามตรวจสอบข้อมูลและเร่งแก้ปัญหา ผ่านการหาข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการ เสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาล ให้ดำเนินการ

กับปัญหาระบาดของไวรัสมรณะที่ระบาด ใช่ว่าฝั่งบริหารเท่านั้น ที่พยายามจัดการปัญหา แต่ยังถูกสังคมค่อนแคะว่าบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ” โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่ฟังคำจากคนในรัฐบาล ดูต่างจาก ผู้ใช้จริง ทั้งหมอในโรงพยาบาล และประชาชนที่หาซื้อได้ยากตามท้องตลาด

จนมีคนนำคำพูดของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปฏิเสธการผลิตหน้ากากอนามัยที่เพียงพอต่อความต้องการ กับ สิ่งที่ประชาชน-หมอสะท้อนว่า เหมือนอยู่คนละโลก กับปรากฎการณ์ล่าสุดที่สังคมจับผิดการทำงานภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน หน้ากากอนามัย ที่มีคนนำข้อมูลเผยแพร่ คนใกล้ชิด "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ฐานะแกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยไว้เอง และส่งขายเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวเอง แม้ร.อ.ธรรมนัส จะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทีมงานของตนเองที่ถูกกล่าวอ้าง

แต่เรื่องนี้เชื่อว่าสังคมไม่ปล่อยไว้แน่ เพราะจากจุดเร่ิมต้นของเรื่องนี้ นำไปสู่การตอบโจทย์ในข้อสันนิษฐานที่สังคมสงสัยว่าปริมาณหน้ากากที่ผลิตในประเทศจากโรงงานที่ รัฐมนตรีไปโชว์ตัว และยืนยันว่าพอใช้นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงการประโคมข่าวว่าประเทศไทยมีสินค้าและพร้อมส่ง

คือ การส่งขายไปยังนอกประเทศด้วยราคาที่แพงกว่าราคาขายที่ประกาศเป็นสินค้าควบคุม หรือไม่?