ยุบพรรคอนาคตใหม่ ปลดล็อกการเมืองไทย แต่ความท้าทายยังมีอยู่

ยุบพรรคอนาคตใหม่ ปลดล็อกการเมืองไทย แต่ความท้าทายยังมีอยู่

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปี

เนื่องจากกู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เป็นจำนวนเงิน 191.2 ล้านบาท ซึ่งศาลฯ เห็นว่าแท้จริงเป็นการบริจาคเงินที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยการทำสัญญากู้เงินที่ผิดปกติวิสัยและเอื้อประโยชน์กับพรรคการเมือง ถือเป็นหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายในการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้บุคคลทำได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ตามาตรา 72

จากคำคัดสินดังกล่าว ทางฝั่งตลาดหุ้นได้ตอบสนองต่อข่าวค่อนข้างทันที หลัง SET แกว่งตัวซึมๆ ค่อนไปทางขาลงในช่วงเช้าของวันตัดสิน ส่วนหนึ่งเพื่อรอผลการวินิจฉัยจากศาลท่านนั่นเอง โดยดัชนีปิดภาคเช้าไปที่ 1,481.78 จุด แต่หลังการอ่านคำพิพากจบดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 13 จุด โดยปิดตลาดตอนเย็นที่ 1,495.09 จุด

สำหรับผลดีต่อการลงทุนเรามองว่าหลังจากนี้แรงกดดันจากฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อฝ่ายรัฐบาล ในช่วงวันที่ 24 - 27 ก.พ. นี้ เพราะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทค่อนข้างมาก แม้แรงกดดันจะลดลงแต่ความเสี่ยงโดยรวมยังไม่หมดไป เพราะนักลงทุนคงยังให้ความสนใจในประเด็นของ ส.ส. อีก 60 ราย ที่ต้องหาพรรคใหม่ภายใน 60 วัน และความคืบหน้าของ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ที่จะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ และจะเริ่มเบิกจ่ายในระยะถัดไป รวมถึงการเมืองนอกสภาที่เรามองว่าจะรวมตัวกันในระยะสั้นนี้จะทำได้น้อยกว่าการประท้วงในอดีต เนื่องจากคำสั่ง คสช.ห้ามการชุมนุมยังมีอยู่ แต่ในระยะยาวอาจมีความเป็นไปได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นฝจต่อนักลงทุน

 จากข้อมูลในอดีต หากเปรียบเทียบกับสถิติช่วงของการตัดสินยุบพรรคการเมืองในอดีต ทั้งการยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อ 30 พ.ค. ปี 2550 ครั้งนั้น SET บวก 1% ในวันนั้น และบวกอีก 5% ในอีก 5 วันถัดมา ขณะที่การยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อ 2 ธ.ค. 2551 SET ลดลง 0.9% แต่บวก 8% ในอีก 5 วันถัดมา อาจตีความได้ว่าตลาดหุ้นไทยชอบการยุบพรรคการเมือง

ด้านกลยุทธ์การลงทุนจากฝ่ายวิจัย เอเอสแอล โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการยุบพรรคอาจไม่มี แต่หากพิจารณาผ่านความเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลที่มีมากขึ้นมองว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย การผ่านร่างงบประมาณฯ ที่กำลังจะเบิกจ่าย ที่จะช่วยให้เกิดการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการ infrastructure และ EEC รวมถึงการออกมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจก็อาจจะทำได้ง่ายขึ้น โดยเรามองว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคเป็นหลัก ซึ่งภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง และมีโอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งช่วงกลางปีนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างสูง ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชนด้วยเช่นกัน ด้านหุ้นที่น่าสนใจ ในกลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เราชอบ STEC CK SEAFCO กลุ่มได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ กลุ่มท่องเที่ยว AOT ERW CENTEL MINT กลุ่มการบริโภค MTC SAWAD ADVANC CPALL MC