'วีไอ' เรียนรู้อะไรได้ จากโศกนาฏกรรมโคราช

'วีไอ' เรียนรู้อะไรได้ จากโศกนาฏกรรมโคราช

เหตุใดสื่อกระแสหลักของบ้านเราจึงเชื่องช้าได้ขนาดนี้ !

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผมขับรถไปยังจังหวัดอุดรธานี โดยกะว่าจะพักผ่อนที่นั่นสักระยะ เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายจากโรคระบาดและฝุ่นพิษในกรุงเทพฯ แต่ระหว่างทางผมได้แวะค้างคืนที่โคราช เพื่อถือโอกาสพบปะกับเพื่อนสนิทที่เป็นคนเมืองย่าโม

วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา เพื่อนชวนผมไปทานข้าวและนั่งคุยกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเย็น ปรากฏว่าพอเตรียมจะร่ำลากัน มีคนเดินมาบอกว่าอย่าเพิ่งออกไป เพราะขณะนี้เกิดเหตุการณ์ยิงกันกลางเมือง มีคนตายไปแล้วหลายศพ และเอาโทรศัพท์มือถือมาให้ดู

ผมดู Facebook Live ในเพจของคนโคราช และหาข่าวในโซเชี่ยลไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบภาพคนโดนยิงตาย มีรถตำรวจชนเสาไฟฟ้า โดย ณ เวลานั้น คนร้ายกำลังไล่สังหารคนอยู่ตามถนนหนทาง สถานการณ์จึงถือว่าอันตราย เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไปที่ไหนต่อ

ผมพยายามเข้าสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ช่องต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์หรือเพจของสำนักข่าวใหญ่ๆ แต่ปรากฏว่าไม่เจออะไรเลย มีแต่ข่าวงานบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ขณะที่เพื่อนๆ ในโซเชี่ยลก็แทบไม่มีใครรู้ข่าว ส่วนใหญ่พากันลงรูปที่ไปเที่ยววันหยุดยาวกันเป็นปกติ

สักพัก คนร้ายเข้าไปในห้างเทอร์มินัล 21 มีการยิงถังแก๊สจนไฟไหม้ ผมได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังอยู่ด้านนอกเป็นระยะ จึงรู้ว่าตนเองยังไม่ควรออกจากโรงแรม เพราะห้างดังกล่าวอยู่ใกล้มากจากจุดที่ผมอยู่ และ ณ เวลานี้เอง หลังจากเหตุการณ์ดำเนินไปกว่าหนึ่งชั่วโมง มีคนบริสุทธิ์ถูกสังหารไปแล้วนับสิบศพ สื่อกระแสหลักจึงเริ่มจะเสนอข่าว และคนในโซเชี่ยลก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันในเรื่องนี้

สุดท้าย หลังจากติดอยู่ในโรงแรมหลายชั่วโมง ด้วยความหิวและเพลีย ผมจึงตัดสินใจขับรถออกมา แต่ก็ใช้เวลานานมากกว่าจะหลุดออกจากโคราชมาได้ โดยในใจยังหดหู่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ผมคงไม่พูดถึงแง่มุมอื่นๆ ของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เพราะทุกๆ สื่อรวมทั้งสังคมทั่วไปได้วิพากษ์วิจารณ์กันไปมากแล้ว ผมเพียงอยากตั้งข้อสังเกตในมุมส่วนตัวว่า เพราะเหตุใดสื่อกระแสหลักของบ้านเราจึงเชื่องช้าได้ขนาดนี้ (นี่ยังไม่พูดถึงการแจ้งข่าว-เตือนภัยของรัฐ ซึ่งผมไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว) ลองนึกดูว่าถ้าเป็น CNN ของสหรัฐฯ ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ Mass Shooting จะมี Breaking News ปรากฏขึ้นหน้าจอทันที ไม่ว่าขณะนั้นจะนำเสนอรายการอะไรอยู่

ประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่า 'ธุรกิจสื่อดั้งเดิม' โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เป็นธุรกิจที่ถูกดิสรัปโดยสมบูรณ์แล้ว และยากที่จะแข่งขันกับสื่อใหม่ได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพ แต่เพราะ 'โลกมันเปลี่ยนไป' ความสามารถในการแข่งขันจึงหดหายไปด้วย

หุ้นประเภทนี้ จึงไม่ใช่ทางเลือกในการลงทุนของผม ไม่ว่าราคาจะถูกขนาดไหนก็ตาม