เบอร์สองหัวอ่อน

เบอร์สองหัวอ่อน

ในสมัยสงครามโลกผู้คนชื่นชมผู้บริหารหัวแข็งคือบอกว่าอย่างไรต้องได้อย่างนั้น อนาคตมีแบบเดียวคือต้องชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้

 ผู้บริหารในระดับรองลงมาแค่ทำให้ได้อย่างที่เบอร์หนึ่งบอกไว้ก็พอแล้ว เบอร์สองไม่ต้องคอยชี้มุมมองต่างๆ ที่แตกต่างออกไปเพราะมองมุมไหนเส้นชัยก็มีอยู่อย่างเดียวคือต้องชนะให้ได้ และนิยามคำว่าชนะ ก็มีนิยามเดียวคือ อีกฝ่ายต้องล่มสลายหายไปเท่านั้น แต่วันนี้กิจการต่างๆ กระทำแบบพึ่งพากันและกันเสมือนเป็นระบบนิเวศ ที่บางเรื่องก็ช่วยเสริมกันและกันพร้อมๆ กับที่บางเรื่องกลายเป็นการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย 

ที่ยากขึ้นไปอีกคือ เมื่อเอาชนะกันแบบสมัยสงครามโลกแล้ว ตัวเองก็จะแพ้ไปด้วยคือ ตัวเองจะลำบากยากเย็นมากขึ้นจากชัยชนะนั้น เพราะบางช่วงของห่วงโซ่คุณค่าของการทำกิจการ จะสูญหายไปพร้อมกับชัยชนะแบบทำลายอีกฝ่ายให้ราบคาบไป ในโลกที่ทำกิจการร่วมกันเสมือนหนึ่งว่าต่างฝ่ายต่างเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ จึงไม่อาจคิดเส้นชัยแบบเบอร์หนึ่งเท่านั้นที่ถูกต้องได้ ถ้าทำสงครามกันฝ่ายตรงข้ามคือ ศัตรูที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งศัตรูไม่ได้เกื้อหนุนอะไรกับเราศัตรูไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าของเราเบอร์หนึ่งมองเห็นอะไรเบอร์สอง เบอร์สามช่วยกันมองให้กว้างไกลขึ้นแค่ไหน ก็เห็นในแบบที่แทบไม่ต่างกันเส้นชัยที่ผู้บริหารทุกระดับมองเห็นแทบไม่ต่างกันเลย 

แต่ในระบบนิเวศของการทำงานในวันนี้ ที่เบอร์หนึ่งมองเห็นเป็นเพียงมุมหนึ่งของระบบนิเวศเท่านั้น ต้องมีเบอร์สองมาช่วยกันมองในมุมอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อกำหนดเส้นชัยใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ กำหนดนิยามใหม่ของคำว่า ได้ชัยชนะเบอร์หนึ่งที่หัวแข็งจึงเหมือนกับคนที่ยืนมองปลาตัวเดียว ที่อยู่ในอควาเรี่ยมขนาดมหึมา เห็นแค่ปลาดาวที่อยู่นิ่งๆ ไม่เห็นปลาฉลามที่ว่ายนำ้ไล่ปลาตัวเล็กตัวน้อย 

ในอีกมุมหนึ่งชัยชนะ คือ น้ำที่สงบไม่มีการกระเพื่อมใดๆ ถ้าเบอร์สองหัวอ่อนทำนองถูกครับนาย ใช่ครับท่าน เบอร์สองถึงแม้จะเห็นปลาฉลามก็ไม่บอกเบอร์หนึ่งว่ามีปลาฉลามที่เป็นอันตรายอยู่ด้วยเบอร์สองหัวอ่อนทำแค่ช่วยกันดูรายละเอียดว่าปลาดาวมีอะไรตรงไหนบ้างที่เบอร์หนึ่งน่าจะสนใจเบอร์สองหัวอ่อนแบบนี้แหละที่จะทำให้เบอร์หนึ่งถูกปลาฉลามเล่นงานเพราะมองแต่ปลาดาวในขณะที่อยู่ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่

วันนี้เบอร์สองหัวอ่อนที่มีไว้แค่ยืนยันว่าทุกอย่างที่เบอร์หนึ่งคิดคือ ความถูกต้องกลายเป็นเบอร์สองที่เป็นมหันตภัยไม่ใช่แค่ไม่มีประโยชน์เท่านั้น เบอร์หนึ่งที่ไม่อยากถูกฉลามกัด ต้องการเบอร์สองที่มาช่วยกันมองในทุกมุมของระบบนิเวศ ของกิจการที่กระทำอยู่ แต่ไม่ใช่แค่มองเห็นว่ามีอะไรอยู่บ้าง ต้องรู้ต้องบอกต่อไปด้วยว่า ตัวไหนที่มองเห็นนั้นเป็นประโยชน์เป็นโทษอะไรกับสิ่งที่เป็นพันธกิจของเราเบอร์สองที่ดี มองเห็นอันตรายจากปลาฉลามพร้อมกับที่เห็นประโยชน์ของฉลามในท้องทะเลนั้นว่า มีส่วนช่วยกำจัดปลาเล็กปลาน้อยที่มาวุ่นวายกับงานของเรา และขัดอกขัดใจเบอร์หนึ่ง โดยยืนยันว่าในทะเลมีมากกว่าปลาดาวที่เป็นเป้านิ่งในทะเล ยังมีปลาฉลามที่อาจเป็นทั้งอันตรายและเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ร้องบอกว่ามีปลาฉลามแล้วรีบฆ่าปลาฉลาม ตามคำสั่งแบบตกอกตกใจของเบอร์หนึ่ง

แทบทุกคนรู้ดีว่ากิจการของตนทำงานในระบบนิเวศที่มีตัวประกอบอยู่มากมายเสมือนเป็นอควาเรี่ยมธุรกิจมหึมา แต่เบอร์หนึ่งหัวแข็งก็ยังเชื่อว่าตนเองมองเองได้ทั้งนิเวศอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ยังมองแบบทวิมิติ คือ ถ้าไม่ใช่พวกฉันคือศัตรู เบอร์หนึ่งหัวแข็งจึงชอบที่จะมีเบอร์สองหัวอ่อน ไม่อยากเสียเวลาไปกับการคิดในประเด็นอื่นๆ ที่เบอร์สองยกขึ้นมา ชอบมองอควาเรี่ยมในส่วนที่มีแต่ปลาดาวอยู่นิ่งๆ มองเห็นปลานิโมเมื่อไหร่ก็บอกว่าคุกคามไล่ล่ากันเป็นพัลวัน โดยไม่ยอมถกเถียงว่ามีปลาฉลามอยู่จริงหรือเปล่า

เบอร์หนึ่งหัวแข็งวอดวายไปเยอะแยะแล้ว เพราะรำคาญที่จะถกเถียงกับเบอร์สองหัวแข็งรอบตัวมีแต่หัวอ่อนคอยยกยอปอปั้นให้ท่านสบายใจก่อนวอดวาย