ไวรัสโคโรน่ายังไม่จบ: กระทบ GDP &EPS

ไวรัสโคโรน่ายังไม่จบ: กระทบ GDP &EPS

ไวรัสโคโรน่าที่ยกระดับการระบาดอย่างรุนแรงในกลางเดือนม.ค. 63 ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่มีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจจีนโยงต่อมาถึงเศรษฐกิจไทย

ทั้งยังมีความยืดเยื้ออีกหลายเดือน

            ประเด็นหลักโดยสรุปที่ผู้ลงทุนควรคิดวิเคราะห์ได้แก่

  • จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากกับระบบเศรษฐกิจไทยและประเทศอื่นๆ ทั้งด้านการมาท่องเที่ยว การเป็นตลาดส่งออก
  • ยอดผู้ติดเชื้อของโรคไวรัสโคโรน่าจนถึง 12 ก.พ. 63 กลับรุนแรงขึ้น สร้างความวิตกให้กับผู้ลงทุนอีกครั้ง
  • ทุกวันเวลาที่ผ่านไป ผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจมีมากขึ้น มีการประเมินจากนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านว่า หากยอดนักท่องเที่ยวจีนลดฮวบ (ดั่งที่เป็นอยู่) เป็นเวลา 2 เดือน จะส่งผลกระทบต่อ GDP ปี 63 ของไทย 1% นั่นหมายถึง GDP ปี 63 อาจต่ำกว่า 2%
  • ประเด็นข้างต้น ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบจากการที่ระบบเศรษฐกิจจีนชะลอลง ที่จะส่งผลต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทย รวมถึงความวิตกกังวลของประชาชนไทย ที่อาจทำให้การดำเนินกิจกรรมในชีวิตลดน้อยลง ส่งผลถึงการบริโภคในประเทศอีกส่วนหนึ่ง
  • สำนักวิจัยหลายแห่งเริ่มปรับลดคาดการณ์ ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนลงมาแล้ว แต่ด้วยสมมุติฐานจากเหตุการณ์ล่าสุด ผมคิดว่า อาจต้องปรับลดคาดการณ์ลงอีกระดับหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ในระยะสั้น หุ้นไทยยังไม่แข็งแรง
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่คลายตัวลงชั่วคราว แต่ยังต้องระวังอยู่ได้แก่ สงครามการค้าโลกที่อาจมีประเด็นใหม่ๆ ในช่วงปีนี้ที่เป็นปีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความขัดแย้งของสหรัฐฯกับอิหร่านซึ่งอาจมีการปะทะย่อยในวันข้างหน้า ความไม่มั่นคงของเสียงในสภาของรัฐบาลไทย ทำให้ผู้ลงทุนกังวลข้อติดขัดในการบริหารจัดการของรัฐ

ในคอลัมน์ที่ผมเขียนไว้เมื่อต้นเดือนม.ค. 63 ได้คำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่ยังไม่รวมไวรัสโคโรน่า  ผมได้แนะนำให้มีหุ้นเพียง 30% (โดยเป็นหุ้นไทย 20% และกองทุนหุ้นที่ครอบคลุมทั้งโลก 10%) ทองคำ 10% กองทุนอสังหา/REIT อีก 10% และควรต้องมีกองทุนตราสารหนี้ไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อใช้เป็นโอกาสในช่วงหุ้นเหวี่ยงลง

ขณะนี้ใกล้กลางเดือนก.พ. 63 แล้ว ทองคำและหุ้นสหรัฐสูงขึ้นพอสมควร หุ้นยุโรปมีบวกและลบ ขณะที่หุ้นไทยและเอเชียร่วงจากโคโรน่าไวรัส กองทุนอสังหา&REITยังขึ้น แต่ด้วยประเด็นของโคโรน่าดูรุนแรงขึ้นในวันที่ 12 ก.พ. (ประกาศ 13 ก.พ.) ผมเห็นว่ายังต้องคุมระดับการกระจายสินทรัพย์ไว้ที่เดิม และรอผลกระทบให้สุดปลายทางก่อนค่อยไปเพิ่มการลงทุนในหุ้นครับ

ท้ายนี้เรียนแจ้งว่าสมาคมนักวิเคราะห์ฯ กำลังเตรียมจัดงานพิธีมอบรางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม และรางวัล CEO/CFO/IR ยอดเยี่ยม ผู้สนใจร่วมเป็นผู้สนับสนุนสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-009-9292 หรือ E-mai: [email protected]