Agility ระบบ Lean และอุตสาหกรรม 4.0

Agility ระบบ Lean และอุตสาหกรรม 4.0

“ความสำเร็จในภาวะปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้ระดับองค์กรอย่างต่อเนื่องและมีความคล่องตัว

ซึ่งหมายถึงขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวและความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการ... องค์กรจำเป็นต้องบูรณาการกิจกรรมต่างๆ จากขั้นตอนหนึ่งไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว...” Agility

ปัจจุบันเราได้ยินเสมอว่าเทคโนโลยีเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องสามารถปรับตนเอง รับกับความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาได้

มีคำคำหนึ่งที่พูดถึงมากขึ้นในระยะหลัง เพื่อสื่อถึงความสามารถต่อการปรับเปลี่ยน พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ไม่สูญเสียจังหวะ คือคำว่า Agility หรือ Agile แปลได้ว่าคล่องตัว ปราดเปรียวว่องไว ยืดหยุ่น

อีกคำหนึ่งที่ใช้อย่างแพร่หลายอยู่แล้วในความหมายใกล้เคียงกันคือความยืดหยุ่น(Flexibility) เทียบภาพนักฟุตบอลที่กำลังเลี้ยงลูกเพื่อทำประตูฝ่ายตรงข้าม เมื่อมีทีมคู่แข่งเข้ามาปะทะก็สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางบอลได้อย่างฉับไวเพื่อไม่ให้ถูกจับทางได้ รวมถึงการส่งลูกให้เพื่อนร่วมทีมที่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการ แต่ยังคงเป้าหมายการเดินหน้าเพื่อทำประตู

ข้อความเปิดเรื่องข้างต้นเป็นคำอธิบายจากเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award) ที่ให้ความสำคัญกับ Agility และมองว่านี่คือคุณสมบัติขององค์กรที่เป็นเลิศครับ

นอกจากนั้น การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศจาก 2 สถาบันใหญ่ ทั้ง IMD และ WEF ต่างก็ให้ความสำคัญกับ Agility และใช้เป็นปัจจัยพิจารณาการจัดอันดับด้วยเช่นกัน

ระบบ Lean

ในแนวคิดระบบ Lean ที่มุ่งขจัดความสูญเสียในกระบวนการทำงาน คำที่มักนำมาใช้เปรียบเทียบคือ ไขมัน” เพราะทำให้องค์กรอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวช้า องค์กรที่ Lean จึงมีคุณสมบัติของความปราดเปรียว หรือ Agility ด้วยนั่นเอง

หลักการปฏิบัติหนึ่งของระบบ Lean ในด้านการจัดการปริมาณ เรียกว่า การปรับเรียบ” การทำงานหรือการผลิต (Leveled Operation/Production) เพื่อลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในกระบวนการหลักการนี้เรียกว่า Heijunka ในภาษาญี่ปุ่น

ปริมาณงานที่ออกมาในแต่ละวันขององค์กรจำนวนมาก มีจำนวนที่ขึ้นๆ ลงๆ นั่นหมายถึงบางช่วงงานเบา บางช่วงงานหนัก ความไม่สม่ำเสมอที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิด “ความสูญเสีย” ในองค์กรตามมา บางธุรกิจสามารถพิจารณาการปรับเรียบที่ความต้องการของลูกค้าได้ด้วย เช่นการเกลี่ยปริมาณรถยนต์ที่เข้ามาในศูนย์บริการให้สม่ำเสมอ การจัดการให้จำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการโรงพยาบาลใกล้เคียงกันมากขึ้นในแต่ละชั่วโมง แต่ละวัน

การปรับเรียบจึงสามารถทำได้ทั้งด้านอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ครับ

การปรับเรียบอีกลักษณะหนึ่งที่เชื่อมโยงกับ Agility โดยตรง คือความสามารถในการตอบสนองความต้องการลูกค้ารายบุคคล

ระบบการผลิตในยุคเก่าจะมีหลักคิดคือเน้นต้นทุนต่อหน่วยถูกๆ ด้วยการทำครั้งละมากๆ (Mass) แต่ผลกระทบที่เกิดตามมาคือ Stock ที่ไม่จำเป็น และการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจกับลูกค้าที่สั่งสินค้าจำนวนน้อยๆ

หลักคิดที่เข้ามาแทนที่ในปัจจุบันคือต้องได้ทั้งต้นทุนต่ำ” และความหลากหลาย” ไปพร้อมๆ กัน เรียกว่า Mass Customization ทำให้สามารถไปเชื่อมต่อกับงานการขายและการตลาด ที่ต้องมองลูกค้าเป็นตัวตั้งด้วย (Customer Centric)

ในระบบการผลิตของโตโยต้าที่เป็นต้นแบบของระบบ Lean มีหลักการสำคัญข้อหนึ่งคือ ต้องผลิตซ้ำรุ่นหรือแบบเดียวกัน ด้วยจำนวนที่น้อยที่สุด (Small Lot Size) บนสายพานการผลิตของโรงงานประกอบรถแต่ละคันจะมีความอิสระต่อกันคือ คละรุ่น คละสี เพื่อให้ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลายได้เร็วที่สุด

การผลิตรถกระบะในเมืองไทยตั้งแต่ยุคบุกเบิกต้องผลิตรุ่นเดียวกัน 20 คัน จึงเปลี่ยนไปทำรุ่นอื่นได้ การก้าวกระโดดครั้งสำคัญเกิดขึ้นตั้งแต่ 20 ปีก่อน เมื่อการผลิตเป็น Lot ถูกยกเลิกพร้อมกับจำนวนรุ่นที่เพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักร้อยเพื่อขยายตลาดส่งออก

ในทางปฏิบัติความท้าทายคือทักษะของพนักงานที่สามารถทำผลิตภัณฑ์ชนิดใดก็ได้ ไม่มีความสับสนผิดพลาด และสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ที่จำเป็น เพื่อให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการเปลี่ยนแผนการทำงานทักษะที่หลากหลายยังทำให้การสลับสับเปลี่ยนโยกย้ายงาน เพื่อการเกลี่ยงานหรือจัดสมดุลของคนในกระบวนการทำได้โดยง่ายด้วย

ความยืดหยุ่นของเครื่องจักรเป็นความท้าทายสำคัญอีกข้อ เพราะการเปลี่ยนไปทำงานใหม่แต่ละครั้ง มักจะต้องเสียเวลาไปกับการปรับตั้งเครื่อง (Set up time) เช่นการเปลี่ยนแม่พิมพ์และอุปกรณ์เครื่องมือรวมถึงคุณภาพในช่วงต้นที่ไม่คงที่

การลดเวลาปรับตั้งเครื่องจึงเป็นกิจกรรมการปรับปรุงที่สำคัญข้อหนึ่ง ที่จะช่วยสนับสนุนให้การปรับเรียบการผลิตเกิดขึ้นได้จริง

อุตสาหกรรม 4.0

อุตสาหกรรมในยุคต่อไปนั้นต้องมีเป้าหมายการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ระบบการผลิตจึงต้องรองรับความหลากหลาย และสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว การจะทำเช่นนี้ได้ทั้งห่วงโซ่กระบวนการ ต้องมีความยืดหยุ่น ตั้งแต่การรับความต้องการของลูกค้า การวางแผนการขายและการผลิต กระบวนการผลิต Logistics จนกระทั่งส่งมอบให้ลูกค้า

ดังนั้น ในการเข้าสู่ยุคแห่งธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่นี้ องค์กรที่มีความเป็นเลิศต้องมีความปราดเปรียวว่องไวต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่มีไขมันเกาะ เพื่อรองรับความท้าทาย ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ

โดย...

กฤชชัย อนรรฆมณี

Lean and Productivity Consultant / Trainer

[email protected]