ต้นเหตุที่แท้จริง แห่งโศกนาฏกรรม 30 ศพ…

ต้นเหตุที่แท้จริง แห่งโศกนาฏกรรม 30 ศพ…

โศกนาฏกรรม “กราดยิงโคราช” นับเป็นเหตุการณ์น่าเศร้าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมาเกิดขึ้นตรงกับ “วันมาฆบูชา”

ในฐานะของประธานกรรมการบริหาร “เครือเนชั่นกรุ๊ปผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรม กราดยิงโคราชซึ่งมีผู้เสียชีวิต 30 ศพ (รวมผู้ก่อเหตุ) และบาดเจ็บ 58 ราย

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ซึ่งตรงกับวันพระใหญ่ หรือ วันมาฆบูชาของพุทธศาสนิกชนไทย

แน่นอน… ความเศร้าสลดความหวาดกลัวและความรู้สึกสะเทือนใจ ยังคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของประชาชนทั่วประเทศ

แต่หากเราปล่อยมันผ่านไปแบบไม่พิเคราะห์พิจารณาถึง “เหตุที่แท้จริงแล้วอุทาหรณ์ของโศกนาฏกรรมนี้คงสูญเปล่า

สำหรับผม… ในด้านธรรมมันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้เพียงเพราะ ขาดสติ

สติแปลว่า ความระลึกได้”… ความไม่เผลอ... การฉุกคิดขึ้นได้

การคุมจิตไว้ในกิจหมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำสิ่งที่จะพูดได้ระงับยับยั้งใจได้ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอเป็นกับ อารมณ์ซึ่งปรุงแต่งมาจาก กิเลส” (รัก โลภ โกรธ หลง)

ดังนั้นการมีสติจึงสามารถ ป้องกันความเสียหายเบื้องต้น… เพื่อยับยั้งชั่งใจไม่ให้คิดบุ่มบ่าม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท

การมีสติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องความฉลาด… ไม่เกี่ยวกับปริญญาไม่เกี่ยวกับสถานะทางสังคมดังนั้นคนดีคนฉลาดหลายต่อหลายคนเวลา ขาดสติหรือ สติแตก”… จึงมักจะทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ

และนี้คือเหตุแห่งศีลข้อ 5… ที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติว่าไม่ควรเสพสิ่งมึนเมาเพราะจะทำให้ขาดสติและพลั้งเผลอไปก่อกรรมทำชั่วจากการที่กิเลสเข้าครอบงำจิตใจ

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุ “กราดยิงโคราชนี้ หลายท่านที่ติดตามข่าวก็อาจสงสัยว่า ทำไมคนที่คนใกล้ชิดทุกรายบอกว่าเป็นคนสุภาพนิสัยดีไม่เคยก้าวร้าวไฉนจึงก่อเหตุอำมหิตนี้ได้ ???

เหตุก็เพราะสภาวะ ไร้สติ”… “ขาดสติหรือ สติแตกไงล่ะครับ

อ้าวแล้วทำไมจึงขาดสติ ??

จิตคนเรานั้นถูกกระทบจาก ตา หู จมูก ลิ้น หาย ใจอย่างสม่ำเสมอ… กระทบปั๊บ…  ธรรมชาติของอาการของจิตก็สร้างกระบวนการทำงานที่ เรียกว่า นามขันธ์ 4”… ซึ่งก่อให้เกิด ความคิด”… ชอบ ไม่ชอบจำและปรุงแต่ง (มโน) เองต่างๆ นานาทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล

ปรุงแต่งไปมาก็ “หลง“…และ ก็เกิด กิเลส” (รัก โลภ โกรธ หลง) ขึ้นห่อหุ้มจิตใจของเรา

ในกรณีนี้… เมื่อ ผู้ก่อเหตุ”… ตาเห็น หูได้ยินเรื่องที่ทำให้ผิดหวังรู้สึกถูกโกงถูกหลอกก็โกรธ อาฆาตแค้นทันทีที่ความคิดทำงาน ก็เกิดอารมณ์สร้างโมหะกิเลสเสมือนไฟที่สุมเข้าที่ใจจน ขาดสติ”… ขาดความยับยั้งชั่งใจคว้าปืนยิงทันทีหลังจากทำแล้วก็เลยเถิดยาวเพราะสภาวะ สติแตก”…

หากเพียงบ่ายวันที่ 8 ก.พ. นั้น… “ผู้ก่อเหตุ”… แม้จะโกรธแต่ตั้งสติให้ดีระลึกถึงบาปบุญคุณโทษนึกถึงหน้าแม่…  เลือกเดินออกมาเรื่องก็จบส่วนคนที่โกงคนที่ไม่ดี ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการกฏหมายหรือกฏแห่งกรรมต่อไป

พุทธศาสนาคือ เรื่องของจิต เรื่องของใจเพราะสุขทุกข์อยู่ที่ใจเราเองพุทธศาสนาคือเรื่องของการบริหาร ความคิดตัวเราเองแค่ตามรู้ความคิดและที่มาของความคิดเพียงเท่านั้น

ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้กับท่านพาหิยะ ผู้ตรัสรู้บรรลุธรรมเร็วที่สุดว่า

ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็นเมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบเมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้งในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ฯ

หวังว่าประชาชนคนไทยคงนำเอาอุทาหรณ์นี้ ไปเตือนใจยามไร้สตินะครับ