โบนัสออก เอาเงินไปลงทุนไรดี

โบนัสออก เอาเงินไปลงทุนไรดี

ช่วงเวลานี้คงตั้งตาคอยลุ้นเงินโบนัสพิเศษ !

สำหรับนักลงทุนที่กินเงินเดือนประจำ ประเภทสิงห์ออฟฟิศทั้งหลายช่วงเวลานี้คงตั้งตาคอยลุ้นเงินโบนัสพิเศษว่าจะออกมาเท่าไร จะมากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ว่า ได้โบนัสจะมากจะน้อย ก็ดีกว่าไม่ได้นะครับ
สำหรับเงินโบนัสที่จ่ายออกมา ท่านควรคำนึงอย่างน้อย 4 ประการคือ

1.เราโดนหักภาษีไปเท่าไร เราจะบริหารเงินได้ก่อนและหลังการหักจ่ายภาษีอย่างไร ทางเลือกเพื่อการลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง เช่น การลงทุนผ่านกองทุนต่างๆเพื่อการออมเกษียณอายุ การลงทุนในกองโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ต้องเสียภาษี การทำกรมธรรม์ประกันชีวิต รวมถึงการให้เงินบริจาคการกุศล การศึกษาต่างๆ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่นำมาหักภาษีเงินได้บุคคล เป็นต้น

2.เราควรเพิ่มหรือลดการลงทุนในสินทรัพย์ใด โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทน หรือ ความเสี่ยงจากข้อมูลปัจจัยต่างๆที่จะเกิดในปี 2020 นี้ แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสัดส่วนเงินลงทุนกระจุกตัวหรือกระจายตัวอย่างไร

3.เราควรเลือกบริษัทที่ใช้บริการจาก ความสะดวกในการติดต่อ การให้ข้อมูล บทความเชิงการวิเคราะห์ คำปรึกษาแนะนำลงทุนที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง หรือการจัดอบรมสัมมนา

4.เราควรเลือกบริษัทที่ใช้บริการที่มีความมั่นคงทางการเงิน โดยดูจากบริษัทนั้นควรมีกำไรอย่างต่อเนื่องสามารถทนต่อสถานการณ์การเงินที่ผันผวนได้ และมีเงินทุนมากพอเพื่อใปใช้พัฒนา และปรับปรุงการให้บริการแก่ท่านลูกค้าได้ในอนาคต
ภายใต้สถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจ การระบาดของไวรัสโคโรน่าซึ่งกระทบการท่องเที่ยวของไทย และภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.00% ในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมาภายหลังการพิจารณาปรับลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลงไปก่อนหน้า

บ่งชี้ให้เห็นว่า มาตรการของภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำมาก แต่การลงทุนในหุ้นก็ยากมากเช่นกัน เราจะทำอย่างไรดีสำหรับโบนัสรวมถึงเงินออมของเราด้วย ข้อเท็จจริง และข้อคิดมีดังนี้

1.ยิ่งภาวะเศรษฐกิจมีความเสี่ยงชะลอตัว ท่านควรกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆให้ครอบคลุมหลายหลากมากขึ้น นอกเหนือจากเงินฝากในธนาคาร และการลงทุนในตลาดหุ้นเท่านั้น

2.ภาวะตลาดหุ้นผันผวน การลงทุนผ่าน ETF จะช่วยท่านกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์นั้นได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากกองทุน active fund ที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนจะสามารถบริหารอัตราตอบแทนกองทุนเพื่อชนะดัชนีที่อ้างอิงได้ยากมากขึ้น สถิติในต่างประเทศจะมีเพียง 20% ของกองทุนที่บริหารโดย active สามารถชนะดัชนีอ้างอิงได้

3.แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงต่ำลงต่อเนื่อง จะสนับสนุนอัตราตอบแทนของสินทรัพย์บางประเภทให้ดีขึ้น เช่น กองทุนอสังหาฯและรีทส์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และราคาทองคำ รวมทั้งตลาดหุ้น

4.การเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทยที่ได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีส่งผลต่อลบธุรกิจต่างๆในวงกว้าง ค่าเงินบาทแข็งเทียบเงินสกุลอื่นส่งผลลบต่อท่องเที่ยว การส่งออก และการกระจุกตัวของรายได้ประชากร

หากท่านนักลงทุนมีความประสงค์ และสนใจเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ท่านสามารถติดต่อสอบถามผู้แนะนำการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ได้ทุกสาขาที่ใกล้บ้านท่าน หรือติดต่อเบอร์กลาง 02-618-1111